ศรีสะเกษ – ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ยันชายแดนไทย-กัมพูชา ยังปกติ โวผู้บริหารระดับท้องถิ่นต่อสายกันได้ตลอดเวลา แต่กระทบการท่องเที่ยวชายแดนหนัก เผย ชาวเขมรตื่นสงคราม ซื้อสินค้าจากตลาด “ช่องสะงำ” ฝั่งไทยไปกักตุนเพียบ ยืนยันเดินหน้าจัดแข่งขันกีฬาเชื่อมสัมพันธ์ประชาชนไทย-กัมพูชา 21 พ.ย.นี้
วันนี้ (10 พ.ย.) นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ขอยืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ เหตุการณ์ยังคงปกติทุกอย่าง ผู้บริหารระดับท้องถิ่นทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาสามารถยกหูโทรศัพท์ประสานงานกันได้ตลอดเวลา ส่วนด้านการค้าชายแดนที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากในหนึ่งสัปดาห์จะมีตลาดนัดชายแดนช่องสะงำ 3 วัน คือ วันอังคาร วันพฤหัสบดี และ วันอาทิตย์ และยังคงมีรถบรรทุกน้ำมันผ่านเข้าออกเป็นประจำทุกวัน
“ขณะนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า มีประชาชนชาวกัมพูชาพากันมาซื้ออาหารการกิน รวมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ไปกักตุนไว้จำนวนมาก ส่งผลให้การค้าขายมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น” นายระพี กล่าว
นายระพี กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม จากกรณีการเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา กลับประเทศได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เนื่องจากถนนสาย 67 จากช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ มุ่งสู่ จ.เสียมราฐ กัมพูชา ที่ปัจจุบันได้รับการก่อสร้างปรับปรุงแล้วเสร็จเป็นถนนลาดยางอย่างดีแล้วนั้น เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวสำคัญ และสะดวกที่สุดในการเดินทางเข้าสู่ จ.เสียมราฐ เพื่อเที่ยวชมนครวัดนครธม และที่ผ่านมา ได้มีนักท่องเที่ยวและกรุ๊ปทัวร์ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศพากันเดินทางผ่านช่องสะงำมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ขณะนี้นักท่องเที่ยวได้ยกเลิกไม่เดินทางเข้ามาที่บริเวณช่องสะงำแต่อย่างใด
นายระพี กล่าวอีกว่า ล่าสุด ทางกองทัพภาคที่ 2 และ จังหวัดศรีสะเกษ ยังยืนยันที่จะเดินหน้าจัดการแข่งขันกีฬาเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชนชาวไทยและกัมพูชา ขึ้นในวันที่ 21 พ.ย.นี้ ที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อย่างแน่นอน
โดยจะมีการจัดการแข่งขันกีฬาในเกือบทุกประเภท ยกเว้นฟุตบอล เนื่องจากทีมนักฟุตบอลประเทศกัมพูชา ติดภารกิจไม่สามารถมาร่วมกันแข่งขันได้
“มั่นใจว่า การแข่งขันกีฬาเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชน 2 ประเทศในครั้งนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชา ฟื้นกลับคืนมาและมีมิตรภาพที่ดีต่อกันมากขึ้น” นายระพี กล่าว