ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สมาคมคุ้มครองผู้ทำกินฯยันเดินหน้าล่าชื่อโชวห่วยดันร่างกฎหมายค้าปลีกเข้าสภาฯ คาดสิ้นเดือนพฤศจิกายนได้รายชื่อครบ 2หมื่น ย้ำไม่มั่นใจร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกกระทรวงพาณิชย์ช่วยเหลือค้าปลีกย่อยคนไทยได้ เผยสาระในร่างฯฉบับผู้ประกอบการมีมาตรการปกป้องผลประโยชน์ค้าปลีกย่อยชัดเจนจับต้องได้
นายวิเชียร ตั้งธรรมสถิต นายกสมาคมคุ้มครองผู้ทำกินแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการล่ารายชื่อผู้ประกอบการร้านค้าปลีก ค้าส่งรายย่อยและกลุ่มผู้ประกอบการอาชีพอิสระเพื่อแนบประกอบการเสนอร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกฉบับ... ซึ่งเป็นร่างที่กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อยไทยเขียนขึ้นมาเองว่า ขณะนี้รวบรวมได้แล้วประมาณ 2,000 รายชื่อ และบางส่วนเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกหลายจังหวัด ยังไม่ได้จัดส่งมาให้ คาดว่าสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้น่าจะได้รายชื่อครบคืออย่างน้อย 20,000 รายชื่อ
“จำนวนรายชื่อยังไม่มากนักเพราะมีกลุ่มคนไม่หวังดีปล่อยข่าวว่า พ.ร.บ.ค้าปลีกฯออกมาก็ช่วยอะไรร้านโชวห่วยหรือร้านค้าปลีกย่อยไม่ได้ ผลักดันไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ข่าวลือนี้ทำให้พี่น้องเจ้าของร้านค้าปลีกในหลายจังหวัดลังเลที่จะร่วมลงรายชื่อ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าอีก1เดือนที่เหลือน่าจะได้รายชื่อครบ” นายวิเชียรกล่าวและว่า
แม้ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกของรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์จะอยู่ในขั้นตอนเปิดรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งจัดสัมมนารับฟังความเห็นไปแล้วหลายพื้นที่ใกล้จะครบทุกภูมิภาคแล้วก็ตาม เราในฐานะผู้ประกอบการค้าปลีกหรือผู้ค้าอิสระ ก็ยังยืนยันที่จะเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายค้าปลีกฯของพวกเราต่อไป เป็นการเสนอร่างควบคู่กันไปพร้อมๆกับของกระทรวงพาณิชย์ หลังจากได้รายชื่อครบแล้วจะทำหนังสือถึงประธานรัฐสภา เพื่อนัดวันยื่นร่างกฎหมายให้ประธานรัฐสภาบรรจุในวาระการประชุมสภา
นายวิเชียรให้เหตุผลถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกฯ ฉบับที่กลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกร่างขึ้นมาเองว่า เป็นเพราะไม่มั่นใจว่า ร่างฯที่กระทรวงพาณิชย์จัดทำขึ้นจะช่วยร้านค้าปลีกค้าส่งรายย่อยไทยได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเท่าที่ดูในสาระเนื้อหาแล้ว ไม่มีข้อใดระบุชัดถึงมาตรการช่วยเหลือค้าปลีกไทยเลย มีแต่ข้อกำหนดกรอบระเบียบกว้างๆ ต่างจากร่างฯที่ผู้ค้าทำขึ้นเองมีการระบุจำกัดว่า พื้นที่ใดไม่ควรส่งเสริมให้ก่อสร้างห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ๆ สงวนสิทธิ์ให้ผู้ค้ารายย่อยท้องถิ่นคนไทยได้ทำมาค้าขายกันเอง
หรือแม้แต่ห้างที่มีพื้นที่ขายต่ำกว่า 1 0,000 ตารางเมตรไม่ต้องขออนุญาต สามารถลงทุนได้เลย ในประเด็นพื้นที่ขายต่ำกว่า 10,000 ตารางเมตรไม่ต้องผ่านการอนุญาตนั้นจะช่วยให้ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยของไทยมีโอกาสขยายการลงทุนได้ง่ายขึ้น สามารถแข่งกับห้างค้าปลีกรายใหญ่ได้บ้าง
นายวิเชียรระบุว่า หากร่างกฎหมายค้าปลีกฉบับผู้ประกอบการเข้าสู่การพิจารณาของสภาควบคู่กับร่างของกระทรวงพาาณิชย์ก็จะเกิดประโยชน์อย่างมาก ประเด็นใด มาตราไหนที่ไม่มีระบุในร่างของกระทรวงพาณิชย์แต่เอื้อประโยชน์ต่อร้านค้าปลีกไทย ก็สามารถดึงจากร่างฯฉบับผู้ประกอบการไปเพิ่มเติมได้ กล่าวโดยสรุปคือนำเนื้อหาสาระทั้ง 2 ฉบับมาเปรียบเทียบกัน มาตราใดที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร้านค้าโชวห่วยไทยมากที่สุดก็ดึงไปใช้ได้
“ในรายละเอียดของตัวกฎหมาย ต้องเอื้อต่อการทำมาหากินของร้านค้าโชวห่วยไทยจริงๆ เพราะทุกวันนี้โชวห่วยไทยอยู่กันลำบากถูกห้างค้าปลีกใหญ่ๆ ทุนต่างชาติเข้ามารุกพื้นที่ค้าขายเกือบหมด รัฐบาลเองต้องเห็นความสำคัญของร้านค้าคนไทยด้วยกันให้มากๆ”นายวิเชียรกล่าว