ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “แม่ทัพภาค 2” คนใหม่ ลั่นยึด 4 จุดยืน แก้ปัญหาขัดแย้ง “เขาพระวิหาร” ยันไม่ริเริ่มใช้กำลังก่อน แต่พร้อมป้องกันตนเอง และปกปักรักษาอธิปไตยไทยอย่างมีศักดิ์ศรี เผยเยือนผู้นำทหารเขมรล่าสุดชื่นมื่นเน้นไม่ละเมิดข้อตกลง พร้อมร่วมมือแก้ปัญหาลักลอบตัดไม้ชายแดน มุ่งจัดกิจกรรมร่วม ปชช.2 ประเทศ เพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน เผย สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุดปกติ ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ถอนกำลังทหาร กรณี “ฮุน เซน” กร้าวเป็นเรื่อง รบ.2 ประเทศ ชี้ ไม่ห่วงม็อบเกษตรกรเคลื่อนไหวขอเข้าทำกินพื้นที่แนวชายแดนก่อปัญหาบานปลาย แต่ส่ง จนท.การข่าวเกาะติด
วันนี้ (3 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า กรณีการแก้ปัญหาความขัดแย้งบริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ นั้น เพื่อไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง หรือปะทะกันขึ้นอีก ทางกองทัพภาคที่ 2 ขอแจ้งจุดยืนในการแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐบาล และกองทัพบก ใน 4 จุดยืนหลัก คือ
1.ยึดมั่นและพร้อมที่จะดำเนินการตามข้อตกลงที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีการต่างประเทศกัมพูชา ได้ลงนามไว้ รวมทั้งดำเนินการตามมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ 2.แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยสันติวิธี โดยใช้การเจรจาเป็นหลัก
3.จะไม่เป็นฝ่ายริเริ่มการใช้กำลังก่อน แต่ก็พร้อมที่จะป้องกันตนเองและปกปักรักษาอธิปไตยอย่างมีศักดิ์ศรี และ 4.ดำรงความสัมพันธ์อันดี และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามความเหมาะสม
“สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุด ทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่วางกำลังตามแนวชายแดนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีการพบปะพูดคุยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซึ่งกันและกัน รวมทั้งพี่น้องประชาชนก็มีวิถีชีวิตเป็นไปตามปกติประจำวัน ถึงแม้สถานการณ์ด้านการเมืองระหว่างประเทศ จะมีปัญหาอยู่บ้าง หลังจากผู้นำกัมพูชา แสดงท่าทีสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ตาม” พล.ท.วีร์วลิต กล่าว
พล.ท.วีร์วลิต กล่าวต่อว่า ล่าสุด เมื่อเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางเยือนผู้นำทหารกัมพูชา เป็นครั้งแรกหลังได้รับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา โดยได้พบปะกับ พล.ท.เจีย มอญ ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ฝ่ายกัมพูชา บรรยากาศเป็นไปด้วยไมตรีจิตและความเป็นกันเอง
โดยได้มีการเจรจากันเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทพระวิหาร ซึ่งคิดว่าเหตุการณ์ต่างๆ คงจะไม่นำไปสู่เหตุการณ์ที่รุนแรงอีก โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่ให้เกิดการละเมิดข้อตกลง และเพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน โดยมุ่งหวังถึงความสงบสันติและความผาสุกของพี่น้องประชาชนทั้ง 2 ประเทศเป็นหลัก และจะให้มีการจัดงานประจำปีขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้มาเที่ยวและมีกิจกรรมร่วมกัน เช่น งานประจำปี ช่วงเดือน ก.ย.ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์
นอกจากนี้ ยังจะร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในฝั่งเขตแดนไทย ซึ่งได้พูดคุยกันว่า เป็นขบวนการระหว่างราษฎรทั้ง 2 ฝั่ง ที่ได้มีการลักลอบกระทำอยู่ และการกระทำดังกล่าวกำลังจะดำเนินการขยายไปสู่การดำเนินการแบบขบวนการ โดยการแก้ไขปัญหาจะใช้หลักกฎหมายเข้าไปดำเนินการซึ่ง เมื่อวานนี้ (2 พ.ย.) ได้มีการจับกุมผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่าได้ 1 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นการขยายผลหาตัวผู้บงการ หรือผู้จ้างวาน
สำหรับกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้เหล่านี้ เท่าที่ตรวจสอบยังไม่มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่ทราบว่า มีกลุ่มบุคคลของขบวนการนี้มาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ทหารเรา โดยได้เสนอค่าจ้างเป็นเงินบอกแต่เพียงว่าให้เราอยู่เฉยๆ ซึ่งเรื่องนี้ได้สั่งการลงไปชัดเจน และย้ำเป็นนโยบายไปแล้วว่า หากทราบว่ามีกำลังพลทหารของเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าจะต้องดำเนินการทุกด้าน ทั้งทางวินัยและอาญา
พล.ท.วีร์วลิต กล่าวต่อว่า การปรับกำลังทหารบนเขาพระวิหารนั้น ได้มีการพูดคุยกันกับทางกัมพูชาบ้างแล้ว เพียงแต่ว่า ในขณะนี้สถานการณ์ในบ้านเรายังไม่นิ่งพอ ในหลายเรื่อง ฉะนั้นเราจึงต้องคงกำลังทหารไว้เช่นนี้อีกระยะหนึ่ง โดยยืนยันว่าจะยังไม่มีการเพิ่มเติมกำลังทหารหรือจะไม่มีการดัดแปลงฐานที่มั่นใดๆ ขึ้นมา และสถานการณ์โดยรวมชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้ยังเป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ความสัมพันธ์ระดับพื้นที่ยังเป็นไปด้วยดี
ส่วนกรณีระดับผู้นำประเทศของกัมพูชาออกมาพูดลักษณะแข็งกร้าวต่อประเทศไทยกรณี ยืนยันในการช่วยเหลือสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้นก็ขอให้เป็นเรื่องของรัฐบาลต่อรัฐบาลพูดกันไป
สำหรับกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเกษตรกรภาคอีสานและภาคตะวันออกหลายหมื่นคน เพื่อขอเข้าไปใช้พื้นที่ทำการเกษตรตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดแนวกว่า 900 กิโลเมตร ที่รวมตัวกันอยู่บริเวณวัดเขาโต๊ะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้นั้น พล.ท.วีร์วลิต กล่าวว่า ขณะนี้เราให้เจ้าหน้าที่การข่าวไปติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนเหล่านั้น พร้อมประชาสัมพันธ์ชี้แจงถึงผลเสียของการเข้าไปบุกรุกพื้นที่ดังกล่าวว่าจะเกิดปัญหาต่อประเทศอย่างไรบ้างในอนาคต
อย่างไรก็ตาม กรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเกษตรกร คงไม่ส่งผลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ แต่อย่างใด เท่าที่ติดตามข่าวทางฝ่ายกัมพูชาก็ไม่มีการขยับ หรือเคลื่อนกำลังทหาร มีเพียงการฝึกเล็กน้อยตามปกติ
“การเคลื่อนไหวรวมตัวกันของกลุ่มเกษตรกรคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรบานปลายออกไป และเท่าที่ทราบเมื่อวาน (2 พ.ย.) มีกลุ่มเกษตรกรจำนวนหนึ่งชุมนุมกันอยู่ แต่ขณะนี้ได้สลายตัวไปแล้ว และคิดว่าคงเป็นการแสดงพลังแค่เมื่อวานนี้เท่านั้น” พล.ท.วีร์วลิต กล่าวในที่สุด