ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชมรมร้านอาหารและสมาคมประธานชุมชุนเขตเทศบาลนครโคราช กลุ่ม “เด็กสุวัจน์” เปิดเวทีถกปัญหาวิกฤตน้ำ หลังศาลปกครองสั่งระงับชั่วคราวโครงการก่อสร้างประปาฉาวโฉ่ 3 พันล้าน อ้างผวาขาดแคลนน้ำกระทบธุรกิจร้านอาหารกว่า 2,000 แห่ง ระบุ น้ำประปาโคราชปัจจุบันไม่พอใช้ คุณภาพแย่ เผย ไม่หวั่นหมิ่นศาลเตรียมล่ารายชื่อ ปชช.ผู้ใช้น้ำขอความเป็นธรรมต่อศาล พร้อมเรียกร้องผู้ว่าฯ-ส.ส.ช่วยเหลือให้โครงการเดินหน้าต่อจนแล้ว
ผู้สื่อข่าวความคืบหน้ากรณีที่ ศาลปกครองนครราชสีมา ได้มีคำสั่งให้เทศบาลนครนครราชสีมาระงับการก่อสร้างชั่วคราวโครงการระบบประปาเพื่อแก้ไขปัญหาอุปโภคบริโภคมูลค่า 3,154 ล้านบาท โดยวางท่อนำน้ำดิบมาจากเขื่อนลำแชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังดำเนินการก่อสร้างไปกว่า 67% เบิกจ่ายงบประมาณแล้วเกือบ 2,000 ล้านบาท นั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (26 ต.ค.) ที่ร้านอาหารสเต็กจิ้มกะแจ๋ว ถ.สืบศิริ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารจังหวัดนครราชสีมา นำโดย นายจีระศักดิ์ คาระวิวัฒน์ ประธานชมรม และสมาคมประธานชุมชนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา 83 ชุมชน นำโดย พ.อ.พีระยุทธ์ ไพบูลย์วิริยะวิช นายกสมาคม ได้จัดเวทีเสวนารับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากประชาชนผู้ใช้น้ำและผู้ประกอบการร้านอาหารในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา
โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนากว่า 50 คน ซึ่งล้วนเป็นอดีตผู้นำชุมชนในช่วงการบริหารเทศบาลนครนครราชสีมา ของทีม นายเชิดชัย โชครัตนชัย อดีตนายกเทศมนตรี ในนาม “กลุ่มโคราชชาติพัฒนา” ที่มี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ให้การสนับสนุน และ การจัดเวทีเสวนาครั้งนี้ นายเชิดชัย โชครัตนชัย อดีตนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ในฐานะผู้อนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างระบบประปา 3,154 ล้านบาท ดังกล่าว ตามการผลักดันงบประมาณของ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ในช่วงรัฐบาลพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้เดินทางมาร่วมให้ข้อมูลและเสนอความคิดเห็นด้วย
นายจีระศักดิ์ คาระวิวัฒน์ ประธานรมชมผู้ประกอบการร้านอาหารจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ผู้ประกอบการร้านอาหารในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ที่มีเกือบ 2,000 แห่ง และประชาชนในชุมชนต่างๆ รู้สึกไม่สบายใจต่อข่าวการระงับการก่อสร้างโครงการประปา เนื่องจากเป็นห่วงว่าจะไม่มีน้ำใช้ และคิดว่าการให้ระงับการก่อสร้างโครงการก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร เพราะขณะนี้การก่อสร้างดำเนินการไปเกือบจะเสร็จแล้ว ชาวบ้านและผู้ประกอบจึงได้จัดเวทีเสวนาในครั้งนี้ขึ้น
นายจีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนใหญ่ในที่ประชุมเห็นว่า ปัญหาวิกฤตน้ำจะต้องเกิดขึ้นกับประชาชนในเขตเทศบาลอย่างแน่นอน หากเรายังพึ่งพาแหล่งน้ำเพียงแห่งเดียว คือ จากอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว เนื่องจากเมืองมีการขยายตัวมากขึ้น ประชาชนเข้ามาอาศัยมากขึ้น ที่สำคัญผู้ประกอบการร้านค้าและร้านอาหารหากไม่มีน้ำใช้จะต้องได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งจะเป็นผลทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากเข้ามาใช้บริการ และปัจจุบันนี้ ประชาชนและร้านอาหารที่อยู่ตามตะเข็บเขตเทศบาลนครนครราชสีมาก็ประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำอยู่แล้ว เนื่องจากน้ำไม่ค่อยไหล หรือไหลเบา บางคนต้องตื่นนอนตี 3 ตี 4 เพื่อมารองน้ำไว้ใช้ ไว้อาบที่ ซ้ำร้ายน้ำประปาของเทศบาล ก็ขุ่นมีตะกอนมาก และมีกลิ่นเหม็นด้วย
ฉะนั้น ในวันนี้ผู้ประกอบการและประชาชนในชุมชน 83 ชุมชุน ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมาจึงมีความเห็นตรงกันว่าอยากให้โครงการดังกล่าวเดินหน้าต่อไปจนจบ
ส่วนการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ อ.ครบุรี ที่อยู่ในพื้นที่เขื่อนลำแชะ ที่เป็นแหล่งน้ำดิบที่ทางเทศบาลนคร จะนำมาผลิตประปานั้น ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาให้พวกเขา แต่โครงการก่อสร้างนี้ต้องเดินหน้าเพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปหยุดการก่อสร้างเลย
“จากนี้ไปประชาชนผู้ใช้น้ำรวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหารในเขตเทศบาลนครนครราชสีมาจะร่วมกันลงชื่อเพื่อขอความเป็นธรรมจากศาลว่าคนจำนวนมากเดือดร้อน หากเขตเทศบาลนคร ไม่มีน้ำใช้ส่งผลให้เศรษฐกิจเสียหาย และขอให้ชาวครบุรี เห็นใจสงสารประชาชนในเขตเทศบาลนครด้วย” นายจีระศักดิ์ กล่าว
ด้าน พ.อ.พีระยุทธ์ ไพบูลย์วิริยะวิช นายกสมาคมประธานชุมชนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา 83 ชุมชน กล่าวว่า อยากขอความเป็นธรรมให้พี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลนครด้วย และปัญหาขาดแคลนน้ำประปะทำให้ทุกคนเดือดร้อนมาก หากโครงการนี้ไม่เดินหน้าก่อสร้างให้แล้วเสร็จ ประชาชนในชุมชนก็เกิดความวิตกกังวลว่าอนาคตจะไม่มีน้ำใช้ เพราะทุกวันนี้เริ่มมีปัญหาน้ำไม่ไหลแล้ว และหน้าแล้งมาถึงทุกปีประชาชนในเขตเทศบาลนครฯต้องเตรียมหาภาชนะมารองน้ำไว้ใช้หรือต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมารองน้ำไว้อาบไม่เช่นนั้น ก็จะไม่มีน้ำใช้ตลอดทั้งวัน
พ.อ.พีระยุทธ์ กล่าวอีกว่า หลังจากทราบข่าวว่าเทศบาลนครนครราชสีมามีโครงการก่อสร้างประปาเพื่อนำน้ำจากลำแชะมาเพิ่มเติมจากแหล่งที่มีอยู่ชาวบ้านก็รู้สึกดีใจว่าจะมีน้ำใช้ไปอีกนาน แต่ในที่สุดมาทราบข่าวว่าให้ระงับโครงการก่อสร้างไว้ก่อน ก็รู้สึกใจหายและเป็นกังวล กลัวว่าจะไม่มีน้ำใช้ ทางสมาชิกในชุมชนทั้ง 83 แห่ง จึงเห็นร่วมกันว่าจะช่วยกันล่ารายชื่อประชาชนที่เดือดร้อน ไปยื่นขอความเป็นธรรมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการดำเนินการสร้างระบบประปาให้แล้วเสร็จ
“โดยจะนำรายชื่อไปยื่นให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตอ.เมือง นครราชสีมา เพื่อขอความเห็นใจให้ช่วยเหลือ ให้การก่อสร้างเดินหน้าต่อไปให้แล้วเสร็จ” พ.อ.พีระยุทธ์ กล่าว