ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - สหภาพรถไฟฯ โคราช เผยพนักงานขับรถสายอีสานถูกกดดัน-ไม่สบายใจ ลาป่วยเพิ่มรวมล่าสุดกว่า 20 คนแล้ว เหตุถูกตั้ง กก.สอบหลังนำรถจักรเข้าซ่อมทำให้เดินรถล่าช้า เตือน ปชช.รถไฟสายอีสานไม่ปลอดภัยทุกขบวนเหตุชำรุด แต่ต้องนำออกวิ่ง เพราะผู้บริหารห้ามซ่อมผวากระทบการเดินรถ ยันไม่คิดหยุดเดินรถแต่ต้องยึดความ ปลอดภัยของ ปชช.ด้านภาคประชาชน จี้ “ซาเล้ง- บอร์ด-ผู้ว่าการรถไฟ” รับผิดชอบลาออกทันที พร้อมยุติกล่าวหาเอาผิดพนักงาน ขู่ยังดื้อเคลื่อนไหวขับไล่
วันนี้ (21 ต.ค.) ที่ทำการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) สาขา นครราชสีมา ตรงข้ามบ้านพักรถไฟ ซ.7 ถนนรถไฟ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสาทร สินปรุ ประธาน สร.รฟท.สาขานครราชสีมา พร้อมด้วย นายรังสี อุปแก้ว รองประธาน ร่วมกันแถลงท่าทีต่อปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างสหภาพรถไฟฯ กับฝ่ายผู้บริหารและรัฐบาล จนทำให้มีพนักงานขับรถไฟและช่างเครื่องลาหยุดงานเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้รถไฟสายใต้ไม่สามารถวิ่งได้หลายวันและรถไฟสายอีสานล่าช้าหลายขบวน ว่า จากเหตุการณ์ขบวนรถไฟสายใต้ประสบอุบัติเหตุที่สถานีเขาเต่าเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น การแถลงผลการสอบสวนของการรถไฟฯ ไม่ได้เปิดเผยความจริงทั้งหมดให้ประชาชนได้รับทราบ เพียงแต่กล่าวถึงความผิดของพนักงาน 3 นายเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วในผลสรุปการสอบสวนของการรถไฟฯ ได้กล่าวถึงการชำรุดของรถจักรด้วยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้
เหตุดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับพนักงานเป็นอย่างมาก และเรียกร้องให้ผู้บริหารการรถไฟฯออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาชน แต่สิ่งที่ผู้บริหารทำกลับตรงกันข้าม ขาดความรับผิดชอบ เอาดีใส่ตัว ส่วนความชั่วกลับโยนให้พนักงานรับหมด
ทางสหภาพจึงประชุมหาวิธีเพิ่มความปลอดภัยให้กับขบวนรถ และป้องกันตัวพนักงานจากความรับผิดทางวินัยและอาญา โดยก่อนนำรถจักรทุกคันออกให้บริการต้องตรวจสอบความสมบูรณ์ของรถจักร และอุปกรณ์เครื่องมือให้สามารถใช้งานได้จริงและปลอดภัยจึงออกเดินรถ
สำหรับ จ.นครราชสีมา ได้เริ่มใช้มาตรการดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยโรงซ่อมรถจักรนครราชสีมา ได้ทำการซ่อมรถดีเซลรางท้องถิ่นขบวนที่ชำรุดหรือไม่สมบูรณ์หลายขบวน ทำให้เกิดความล่าช้ากับรถไฟท้องถิ่นบางขบวน เช่น ขบวน 419 และ 427 แต่ขบวนอื่นๆ วิ่งได้ตามปกติ ไม่มีการหยุดเดินรถแต่อย่างใด
การล่าช้าของขบวนรถไฟดังกล่าวผู้บริหารระดับสูงการรถไฟฯ ได้ตำหนิมายังผู้บังคับบัญชาที่นครราชสีมา และผู้บังคับบัญชาได้บังคับ ข่มขู่ให้พนักงานนำรถจักร และรถดีเซลรางออกวิ่งโดยไม่ต้องทำการซ่อมแซม พร้อมทั้งได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับขบวนรถที่ล่าช้า พนักงานส่วนหนึ่งได้รับความกดดันและเกิดความเครียดไม่มั่นใจในการทำงานจึงยื่นใบลาป่วยจำนวน 2 วัน และล่าสุด ขณะนี้มีพนักงานขับรถลาป่วยแล้วกว่า 20 คน
อย่างไรก็ตาม สหภาพฯ สาขานครราชสีมา ขอแจ้งให้ประชาชนทราบว่า ขบวนรถที่วิ่งให้บริการประชานในสายอีสานส่วนมากยังไม่ได้รับการแก้ไขโดยเฉพาะอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของขบวนรถแต่จำเป็นต้องนำขบวนรถออกไปให้บริการด้วยเหตุผลข้างต้นดังกล่าว และ สหภาพฯ สาขานครราชสีมา ไม่มีความคิดในการหยุดเดินขบวนรถไฟ หรือปล่อยผู้โดยสารทิ้งระหว่างทาง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหากผู้บริหารการรถไฟฯ รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น ก็จะไม่บานปลายรุนแรง
ฉะนั้น เราจึงขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาไปยังผู้บริหารและรัฐบาลดังนี้ คือ
1.ผู้บริหารการรถไฟฯ ควรออกมายอมรับความผิดพลาดร่วมกับพนักงาน โดยการเปิดเผยผลการสอบสวนทั้งหมด 2.เมื่อพนักงานแจ้งให้ซ่อมรถจักร หรือรถดีเซลราง ก็จัดการซ่อมแซมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ขบวนรถอาจล่าช้าไปบ้างก็เป็นเพียงระยะแรกเท่านั้น หากมีการชี้แจงกับประชาชนเชื่อว่าประชาชนย่อมเข้าใจ และ 3.ไม่เพิ่มดีกรีความรุนแรงให้เกิดขึ้น โดยการสั่งย้ายพนักงาน หรือสร้างสถานการณ์ต่างๆ แล้วใส่ร้ายสหภาพฯ และแถลงความจริงที่เกิดขึ้นที่สถานีละแม โดยสหภาพฯ สาขานครราชสีมา พร้อมให้การสนับสนุนการต่อสู้ของสมาชิกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
วันเดียวกันนี้ (21 ต.ค.) นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย ทต.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด, นายสันติ ถีระวงศ์ ประธานสมัชชา จังหวัดนครราชสีมา และ ผศ.ดร.สามารถ จับโจร นักวิชาการประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกันแถลงข่าวที่ที่ทำการสมัชชาฯ นครราชสีมา ตรงข้ามโรงแรมจอมสุรางค์ยาตร์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ต่อเหตุการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการรถไฟแห่งประเทศไทย
โดยได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า สาเหตุเกิดจากความเน่าเฟะ ฉ้อฉล ทุจริต และไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายบริหารของการรถไฟแห่งประเทศไทย ขณะนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประชาชนผู้โดยสารไม่ได้รับหลักประกันในความปลอดภัยใดๆ และเสี่ยงภัยเพิ่มขึ้น ในการใช้บริการรถไฟ ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารรับรู้สถานการณ์เป็นอย่างดี และได้รับคำเตือนและรายงานจากพนักงานการรถไฟฯ มาโดยตลอดในความไม่พร้อมของรถจักร แต่ไม่มีการแก้ไขใดๆ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น และเป็นเหตุให้มีการหยุดเดินรถไฟในหลายพื้นที่
ทั้งนี้ สมัชชาประชาชนฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายการเมืองคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมถึงผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่จะต้องร่วมกันรับผิดชอบและต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกในทันที เพื่อเปิดโอกาสให้มีการปรับปรุงแก้ไขความเสื่อมโทรม และปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้น และให้ยุติการกล่าวหาหรือเอาผิดใดๆ กับพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งได้กระทำการโดยเจตนาที่จะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วย หากยังดื้อดึงทางสมัชชาฯ จะกำหนดแนวทางในการเคลื่อนไหวต่อไป