เชียงราย – ชาวบ้านเชียงของรวมตัวร้องผู้ว่าฯ ถูกฮุบที่รอบ “พระธาตุศรีลานนา” ถูกำคนฮุบที่รอบพระธาตุฯ หวั่นกระทบที่ดินกินที่อยู่รอยต่อระหว่างเขตพระธาตุฯกับป่าไม้ หลังเคยถูกป่าไม้ไล่ที่มาแล้วรอบหนึ่ง
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าวันนี้ (15 ต.ค.) กลุ่มชาวบ้านจากหมู่บ้านศรีลานนา หมู่ 5 ต.ครึ่ง อ.เชียงของ ประมาณ 30 คน ได้พากันเดินทางไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ให้ช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกินบริเวณใกล้กับพระธาตุศรีลานนา โบราณสถานสำคัญของพื้นที่
ชาวบ้านระบุว่า บรรพบุรุษเคยทำกินบริเวณดังกล่าวมานานกว่า 20-30 ปี แต่ต่อมามีการพัฒนาพื้นที่โบราณสถานและกันพื้นที่โดยรอบเป็นเขตป่าไม้ ทำให้ชาวบ้านบางส่วนถอยร่นลงมาทำกินให้พ้นเขตป่าไม้ แต่ปรากฏว่าแม้จะออกมาให้พ้นเขตป่าไม้แล้ว แต่ก็มีกลุ่มชาวบ้านบางส่วนที่เป็นคนละกลุ่มนำต้นไม้ไปปลูกในเขตที่ชาวบ้านถอยร่นลงมา โดยอ้างว่าเป็นเขตป่า จึงทำได้รับความเดือดร้อนมาก เพราะเป็นที่ดินผืนเดียวที่ใช้ทำกิน รวมทั้งเกรงว่าหากมีรายแรกถูกกระทำแล้วจะทำให้ชาวบ้านที่เหลืออยู่โดยรอบ 50-60 รายถูกกระทำเหมือนกันอีก
นายคำ ศรีมูล อายุ 67 ปี ชาวบ้านคนหนึ่ง กล่าวว่า ตนเคยมีที่ดินทำกินประมาณ 1.1 ไร่ ใช้ปลูกข้าวโพด กล้วย ฯลฯ มาหลายสิบปี ต่อมามีการออก ส.ป.ก.4-01 ให้ก็ทำประโยชน์เรื่อยมาตามปกติ แต่ต่อมามีการพิสูจน์สิทธิ์ที่ดินว่าเป็นเขตป่าไม้เสีย 1 ไร่ จึงถอยร่นเข้าไปทำกินเฉพาะที่เหลือ 1 งาน
แต่ปรากฏว่า กลุ่มชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งกลับนำต้นไม้ไปปลูกพร้อมกั้นรั้วที่ดิน อ้างว่าเป็นเขตพระธาตุศรีลานนา พวกเราจึงสงสัยว่าได้ถอยร่นจนห่างไกลจากพระธาตุแล้วร่วม 300-500 เมตรทำไมจึงถูกกระทำเช่นนี้ ขณะที่กลุ่มชาวบ้านอีกกลุ่มที่อยู่ใกล้พระธาตุกว่าตนเสียอีกทำไมยังทำกินอยู่ได้จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยเหลือ
ด้าน นางศรีรา กันทะเนตร ลูกสาวของนายคำ กล่าวว่า ที่ดินผืนดังกล่าวบิดาได้ทำกินมานานแล้วและเป็นที่ผืนเดียวที่พวกเรามีอยู่ แต่ก็ยังถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้อีกทั้งๆ ที่มีที่ดินติดกับพระธาตุศรีลานนา ของคนอีกกลุ่มหนึ่งกลับไม่ถูกดำเนินการ แต่กรณีของพวกเราแม้จะถอยร่นออกมาเช่นนี้ก็ยังถูกกระทำอีก ที่ผ่านมา เคยร้องเรียนไปยังสำนักงานปฏิรูปที่ดิน ฝ่ายปกครอง อ.เชียงของ หรือแจ้งความที่ สภ.เชียงของ ไปแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะแต่ละฝ่ายไม่ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาให้อย่างจริงจัง จึงเข้ามาร้องทุกข์กับผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ต่อมา นายอนุรุทธ์ ดำรงค์ศักดิ์ รักษาการปฏิรูปที่ดิน จ.เชียงราย ได้รับคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ไปรับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้าน โดยมีการหารือกันถึงสิทธิในการทำกินบริเวณดังกล่าว ซึ่งก็พบว่าโดยรอบบริเวณเดียวกันมีชาวบ้านเข้าไปทำกินอยู่หลายราย อย่างไรก็ตามผลการพิสูจน์สิทธิ์ครั้งล่าสุด ทำให้ชาวบ้านหลายรายต้องถอยออกจากเขตป่า แต่สำหรับกรณีที่ดินที่นายคำทำกินนั้นได้ถูกให้เป็นที่ป่าไม้แล้วบางส่วน ในส่วนที่เหลือจะต้องพิสุจน์กันอีกครั้งว่านายคำ เคยเข้าไปทำกินจริงหรือไม่
นายอนุรุทธ์ แจ้งว่า กลุ่มชาวบ้านฝ่ายตรงกันข้ามกับกลุ่มที่ไปร้องเรียนในครั้งนี้ให้ข้อมูลกับสำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.เชียงราย ว่า ชาวบ้านที่ร้องเรียนไม่เคยเข้าไปทำกินมาก่อน ทำให้ทางสำนักงานยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใดๆ ได้ทันที จึงจะนัดทุกฝ่ายไปหารือถึงในพื้นที่และยืนยันว่าจะปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพราะได้รับข้อมูลจากชาวบ้านที่ไปร้องเรียนในครั้งนี้ว่า มีชาวบ้านอีกฝ่ายเข้าไปทำกินใกล้กับองค์พระธาตุมากกว่าของนายคำ หลายรายด้วย การแก้ไขปัญหาจะให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ซึ่งทำให้ชาวบ้านพอใจและแยกย้ายกันกลับไปรอการแก้ไขปัญหาต่อไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับพื้นที่หมู่บ้านศรีลานนามีความขัดแย้งกันระหว่างชาวบ้าน 2 กลุ่มมานานตั้งแต่มีการพัฒนาพระธาตุศรีลานนาเป็นต้นมา โดยชาวบ้านมีการแบ่งแยกออกเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจนขณะที่แกนนำแต่ละฝ่ายต่างเป็นคนที่มีคุณวุฒิในพื้นที่และเป็นที่ยำเกรงของชาวบ้าน ทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ทำให้เมื่อเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นมักจะไม่เจรจาหารือกันแต่จะตอบโต้ทันทีมาตลอด