ฉะเชิงเทรา - กลุ่มเกษตรกรเดือดร้อนปัญหาที่ดินทำกิน 2 จังหวัด แปดริ้ว-สระแก้ว ผนึกกำลัง ขนกองทัพชาวบ้านกว่า 300 คน บุกเข้าเมืองกรุงวันนี้ พร้อมเตรียมยื่นหนังสือถึง รมว.ทรัพย์ ให้ตั้งกรรมการตรวจสอบอธิบดีกรมป่าไม้ กรณีสั่งให้ลูกน้องแผ้วถางผืนป่าดิบ เพื่อใช้พื้นที่ทำโครงการปลูกป่าเบี้ยกล้าไม้เล็กทดแทน หลังคณะกรรมการระดับจังหวัดสอบพบต้นตอของปัญหา
วันนี้ (7 ต.ค.) กลุ่มเกษตรกรผู้เดือดร้อนปัญหาเรื่องที่ดินทำกินทับซ้อนกับพื้นที่ในโครงการปลูกป่า ของกรมป่าไม้ จาก 4 หมู่บ้าน คือ บ้านนายาว บ้านนางาม บ้านนาอิสาน บ้านคลองเตย ในเขต ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา นำโดย นายสาธิต ยืนสุข อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 434 ม.19 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา
พร้อมด้วยกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่โครงการปลูกป่าสวนป่าห้วยไคร้ และสวนป่าหนองไผ่ ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง จ.สระแก้ว ซึ่งมี นายมนตรี เข็มทอง อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138 ม.15 ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง จ.สระแก้ว เป็นแกนนำ พร้อมรถยนต์กระบะจำนวน 28 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ 2 คัน และชาวบ้านกว่า 300 คน ได้เดินทางมาสมทบรวมตัวกัน ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
ทั้งนี้ เพื่อเดินทางมุ่งหน้าต่อไปยังหน้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกรุงเทพฯ เพื่อชุมนุมเรียกร้องให้ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบ นายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้ หลังจากคณะกรรมการตรวจสอบปัญหาพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก สอบสวนพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการดังกล่าวจนเกิดปัญหาขึ้นมาในพื้นที่
นายสาธิต กล่าวว่า ตนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ตามคำสั่งของจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ 1386/2552 ลงวันที่ 31 ก.ค.2552 ลงนามโดย นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ในการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของราษฎร ในพื้นที่ 4 หมู่บ้าน คือ ม.15 ม.16 ม.18 และ ม.19 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ในฐานะตัวแทนชาวบ้าน และได้ร่วมกับคณะกรรมการชุดดังกล่าว ซึ่งมี นายสุขสันต์ วนะภูติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราในขณะนั้นเป็นประธานในการสอบสวน (เพิ่งเกษียณอายุราชการไป)
หลังการสอบสวนข้อเท็จจริง ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ บ้านนาอิสาน ซึ่งมีนายปรีชา จุลฬา เป็นหัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ฉช.8 ได้ทำการแผ้วถางป่าโค่นต้นไม้ใหญ่ในผืนป่าดิบ บนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก และทำการปลูกเบี้ยกล้าไม้เล็กทดแทนในพื้นที่เดิม
นายปรีชา ได้ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า ผู้ที่ดำเนินการ คือ นายนิรันดร์ เลิศลักขณาวงษ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชำนาญการ เป็นผู้ดำเนินการ และว่าจ้างคนงานวันละกว่า 100 คน ให้เข้าไปทำการแผ้วถางป่า เพื่อปลูกป่าตามโครงการปลูกป่าของกรมป่าไม้ แต่ยอมรับว่าได้เข้าไปยึดคืนที่ดินทำกินมาจากชาวบ้านใน 4 หมู่บ้าน เพื่อนำมาทำโครงการปลูกป่าจริง
จากนั้น คณะกรรมการชุดเดียวกันนี้ได้ทำการสอบสวน นายนิรันดร์ เลิศลักขณาวงษ์ ในกรณีเดียวกันนี้ นายนิรันดร์ ได้ยอมรับว่าเป็นผู้เข้าไปดำเนินโครงการปลูกป่า และตัดถางต้นไม้ในป่าสงวน และปลูกป่าในพื้นที่เดียวกันที่ป่าหนองรถจอดจริง พร้อมกับได้ซัดทอดว่า ได้รับคำสั่งจาก นายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้ ให้ดำเนินการดังกล่าว
หลังการสอบสวน ทางประธานคณะกรรมการ เห็นว่า เรื่องดังกล่าวอยู่นอกเหนือเกินกว่าที่จะดำเนินการได้ จึงได้ทำความเห็นส่งต่อไปยัง นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อดำเนินการในขั้นต่อไป แต่แล้วหลังเวลาผ่านไปนานนับเดือนแล้ว เรื่องกลับเงียบหายไป และยังไม่มีการดำเนินการในขั้นต่อไป กลุ่มชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันเคลื่อนไหว เพื่อเข้าไปเรียกร้องกดดัน ต่อ รมว.กระทรวงทรัพย์ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังในกรุงเทพฯ
การเดินทางเข้าไปในวันนี้ เพื่อต้องการที่จะเข้าไปยื่นหนังสือ ต่อนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จำนวน 2 ข้อ คือ 1.ให้ รมว.ทรัพย์ ตั้งกรรมการสอบ อธิบดีกรมป่าไม้ ในกรณีสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตัดโค่นต้นไม้ในเขตป่าสงวน ที่บริเวณป่าหนองรถจอด 2.ให้เพิกถอนพื้นที่ป่าสงวน ที่ไม่มีสภาพเป็นป่าแล้ว ในพื้นที่ ที่ประชาชนเข้าครอบครองทำกินมานานเกินกว่า 10 ปีขึ้นไป พร้อมออกเอกสารสิทธิ์การทำกิน เช่น สปก. ให้แก่เกษตรกรเข้าทำกินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้ หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ไม่ลงมารับเรื่องข้อเรียกร้องทั้ง2 ข้อ กลุ่มชาวบ้าน 2 จังหวัด ที่เดินทางไปในวันนี้ จะปักหลักชุมนุมยังบริเวณหน้ากระทรวงทรัพย์ ต่อไป นายสาธิต กล่าว