ฉะเชิงเทรา -กลุ่มเกษตรกรผู้เดือดร้อนจากปัญหาที่ดินทำกินทับซ้อน กับพื้นที่ป่าไม้ จำนวนกว่า 350 คน เคลื่อนขบวนรถอีแต๋นกว่า 80 คัน เตรียมบุกเข้าชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล หลังคณะกรรมการแก้ไขปัญหาระดับจังหวัดลงพื้นที่สางปัญหาไม่คืบ
วันนี้( 13 ส.ค.52) เวลา 16.00 น. นายสาธิต ยืนสุข อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 434 ม.19 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา แกนนำชาวบ้าน กลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิที่ดินทำกิน แนวตะเข็บป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก กล่าวว่า ขณะนี้ได้เคลื่อนขบวนรถอีแต๋น-อีโกร่ง จำนวนเกือบ 100 คัน พร้อมประชาชนผู้ร่วมเดินทางกว่า 350-400 คน เดินทางมุ่งหน้าออกจาก 4 หมู่บ้านในตำบลท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา แล้วตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวันนี้
ทั้งนี้ คาดว่าจะถึงในตัวจังหวัดฉะเชิงเทราในเวลา 18.00 น. โดยจะหยุดพักยังที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นเวลา 1 คืน เพื่อทวงถามถึงผลการแก้ไขปัญหา ของคณะกรรมการแก้ไขปัญหา เรื่องที่ดินทำกินของชาวบ้าน ที่ถูกหัวหน้าหน่วยป่าไม้ ที่ ฉช.8 บ้านนาอิสาน บุกเข้ายึดคืนพื้นที่นำไปปลูกป่า ทั้งที่ชาวบ้านได้ครอบครองทำกินมานานหลายสิบปี จากนายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา
นอกจากนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าจนเป็นที่หน้าพอใจ ชาวบ้านทั้งหมดที่ร่วมเดินทางมาจะเดินทางเข้าไปยังในกรุงเทพฯ เพื่อมุ่งหน้าไปชุมนุมยังหน้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ที่รับผิดชอบโดยตรง และหากปัญหายังไม่ได้รับความสนใจจากรัฐมนตรีประจำกระทรวง ก็จะเดินทางเข้าไปชุมนุมยังหน้าทำเนียบฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวบ้านต่อไป
นายสาธิต กล่าวต่ออีกว่า ในการเดินทางมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯในครั้งนี้ ไม่มีใครหนุนหลัง ชาวบ้านพร้อมใจที่จะเดินทางไปกันเอง เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องในความเดือดร้อนจากการถูกเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้งรังแกโดยไม่เป็นธรรม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ชาวบ้านอีกจำนวนมากที่ทราบข่าวถึงการเดินทางไปต่อสู้ในครั้งนี้ ต่างได้พากันนำเงิน สิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น ทั้งข้าวสารอาหารแห้งมาบริจาคให้เป็นจำนวนมาก จึงคาดว่าจะสามารถปักหลักชุมนุมอยู่ที่หน้าทำเนียบได้เป็นเวลานานนับเดือน นายสาธิต กล่าวในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ 5 หมู่บ้าน คือ บ้านนายาว บ้านนางาม บ้านอิสาน บ้านคลองเตย (ม.15 ม.16 ม.18 และ ม.19) ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา และหมู่บ้านท่าเต้น ต.พระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว นั้น ในอดีตเคยอยู่ในพื้นที่สีแดงบริเวณป่าภูไท ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน แต่หลังจากเหตุการณ์สงบลง ทางราชการได้อพยพย้ายกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ออกมาจากพื้นที่ผืนป่าใหญ่ โดยได้มาจัดสรรที่ดินทำกินให้ยังบริเวณป่าเสื่อมโทรมใน 5 หมู่บ้านแห่งนี้
นอกจากนี้ ยังมีราษฎรบางส่วนได้อพยพเดินทางมาจากทางภาคอีสาน และจังหวัดสระแก้ว เข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มเติมอีก เมื่อปี พ.ศ.2526-2527 และได้เข้าซื้อสิทธิการครอบครองทำกิน บนที่ดินผืนดังกล่าว ในราคา ไร่ละ 6,000-10,000 บาท ต่อจากเจ้าของเดิม (ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย) ที่แบ่งขายให้ ทำกินต่อเนื่องกันมายาวนานกว่า 25 ปีจนถึงปัจจุบัน และได้มาเกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ นำโดย นายปรีชา จุลฬา หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ฉช.8 ได้พยายามเข้ามายึดคืนพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน เพื่อนำไปปลูกป่าตามโครงการต่างๆ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมาทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ที่ทุ่มเทเงินทุนลงมาจนเต็มล้นพื้นที่