เชียงราย – อดีตรอง ผกก.สันติบาล คนดังฟ้องกลับ ผกก.สภ.เชียงแสน 4 ข้อหารวด หลังถูกจับดำเนินคดีหลายข้อหา พร้อมทำเรื่องร้องผู้การเชียงรายต่อ เรียกร้องให้ออกคำสั่งห้ามนายตำรวจคู่กรณีเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันลงพื้นที่ชายแดนเชียงแสนเจอข้อมูลเพียบ
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าวันนี้ (28 ก.ย.) ที่ศาล จ.เชียงราย ถนนธนาลัย อ.เมือง จ.เชียงราย พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.ตำรวจสันติบาล 2 และพรรคพวกรวมทั้งหมด 8 คน ได้เดินทางไปรายงานตัวต่อศาล จ.เชียงราย
ในคดีที่ตำรวจ สภ.เชียงแสน และตำรวจตระเวณชายแดน (ตชด.) 327 ได้ดำเนินคดีกับทั้งหมดในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืน และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ มีวิทยุโทรคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากทั้งหมดไปอยู่ที่บริเวณจุดผ่อนปรนบ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน สามเหลี่ยมทองคำชายแดนไทย-พม่า-ส.ป.ป.ลาว และเจ้าหน้าที่ตรวจพบอาวุธปืนสั้นจำนวน 5 กระบอก พร้อมกระสุนจำนวนมากภายรถที่นำไปด้วย 2 คัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา
หลังการรายงานตัว พ.ต.ท.สันธนะ ซึ่งในครั้งนี้เดินทางไปพร้อมกับทีมกฎหมายหลายคนได้ยื่นฟ้องต่อศาล จ.เชียงราย ให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.สุธรรม ชาติอาษา ผกก.สภ.เชียงแสน จำนวน 4 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาเป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ข้อหาทำร้ายร่างกาย ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ปราศจากเสรีภาพ และดูหมิ่นซึ้งหน้า ซึ่งศาลได้รับฟ้องเอาไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 3496/2552 ลงวันที่ 28 ก.ย.นี้
จากนั้นคณะของ พ.ต.ท.สันธนะ ได้เดินทางออกจากศาล แต่ระหว่างนั้นได้มีการเจรจากับตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงราย ซึ่งนำหมายศาลขอจับกุมตัวนายคมกริช ทองแก้ว อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 154 ม.3 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาร่วมกับ พ.ต.ท.สันธนะ ในคดีพยายามฆ่าที่ จ.สมุทรปราการ ว่า ได้ประกันตัวต่อพนักงานสอบสวนออกมาสู้คดีแล้วทำให้ไม่ถูกจับกุมเพิ่มเติม
ต่อมา พ.ต.ท.สันธนะ และพวกได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ และขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย แต่ พล.ต.ต.ทรงธรรม ไปราชการที่กรุงเทพฯ จึงมอบหมายให้ พ.ต.อ.ชาญ จัดแจง ผกก.อก.ภ.เชียงราย รับเรื่องแทน ซึ่งในหนังสือดังกล่าวมีจำนวน 4 หน้ากระดาษเอสี่ และมีรายละเอียดจำนวน 25 ข้ออ้างว่า ถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เชียงแสน อย่างไม่เป็นธรรม ไม่สุภาพ ไม่ถูกต้องตามขั้นตอนของตำรวจ รวมทั้งถูกทำร้ายร่างกาย กักขัง ฯลฯ ตามที่ได้ไปฟ้องต่อศาลไปแล้ว
ตอนท้ายหนังสือระบุให้ ผบก.ภ.เชียงราย ดำเนินการ 3 เรื่อง คือ สั่งการให้ดำเนินการตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ห้ามมิให้ พ.ต.อ.สุธรรม ยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ หรือคดีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตแต่มีความเกี่ยวข้องกันอีก และขอให้แต่งตั้งข้าราชการระดับสูงจาก ภ.เชียงราย ลงไปเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีทั้งหมดด้วย
พ.ต.อ.ชาญ ได้รับเรื่องเอาไว้พร้อมรับปากจะนำเสนอต่อ พล.ต.ต.ทรงธรรม เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า ตนทำงานความมั่นคงมาตลอด โดยเคยเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการทหาร ตั้งแต่ปี 2546 จึงทำงานด้านชายแดนมาโดยตลอดไม่ใช่พึ่งมาทำที่ อ.เชียงแสน หลายอย่างก็เป็นการทำงานทางลับ แต่หลายครั้งก็มีการแจ้งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ผบก.ภ.ของแต่ละพื้นที่ ทั้งที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกาะในทะเลของ จ.ตราด ฯลฯ
ครั้งนี้ก็เช่นกันได้ไปทำงานชายแดนที่สามเหลี่ยมทองคำ และพบเรื่องราวมากกว่าการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ เอาไว้แล้วแต่ขอดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับตนก่อน โดยเฉพาะ พ.ต.อ.สุธรรม ชาติอาษา ผกก.สภ.เชียงแสน โดยตนจะไม่ดำเนินการกับตำรวจชั้นผู้น้อย เพราะตนก็เคยรับราชการมาก่อน ย่อมรู้ดีว่าอำนาจในการบังคับบัญชาอยู่ที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่จะชี้นำให้ดำเนินการอย่างไร
พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวอีกว่า ยอมรับว่า ปืนที่อยู่ในรถทั้ง 5 กระบอก และเป็นที่มาของการถูกดำเนินคดีเป็นของตน แต่มีใบอนุญาตต่างๆ ถูกต้อง สาเหตุที่ต้องมีไว้ เพราะลูกน้องคนสนิทของตนเคยถูกยิงตายกลางกรุงมาแล้วเป็นที่สะเทือนขวัญไม่แพ้คดีใดๆ เขาถูกยิง เพราะไปนั่งที่รถแทนที่ตนเพียงแค่ 15 นาที ตนจึงต้องป้องกันตัวเองเอาไว้และยืนยันว่าที่กรุงเทพฯ ตนมีอาวุธปืนมากกว่าที่ถูกดำเนินคดีนี้อีก รวมทั้งครั้งนี้ก่อนเข้าไปปฏิบัติงานที่สามเหลี่ยมทองคำก็ได้แจ้ง พล.ต.ต.ทรงธรรม ให้ได้รับทราบแล้วด้วย
“ผมขอให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งรู้ว่าท่านลงมาดูเรื่องนี้ให้สืบสวนดูให้ชัดว่าใครที่อยากจะฆ่าผม รวมทั้งให้ใช้อำนาจพิเศษลงมาดำเนินการ เช่น ให้ดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) หรืออำนาจพิเศษอื่นๆ ลงไปดำเนินการ นอกเหนือไปจากการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินการอย่างเดียว" พ.ต.ท.สันธนะ กล่าว
จากนั้นเขาได้นำรูปถ่ายอ้างว่าเป็นรูปที่ถูก พ.ต.อ.สุธรรม ทำร้ายร่างกาย ผลักอก และคุมขังในห้องขังที่ สภ.เชียงแสน จนเป็นที่มาของการฟ้องต่อศาลออกมาแสดงให้ผู้สื่อข่าวได้รับชมด้วย