อดีต ตร.สันติบาลอ้างถูกแกล้งจับนอนคุก ชร.หลังพกปืนสอบบ่อนยักษ์ “ส.ว.-ที่ปรึกษา รมว.พม.”

เชียงราย – อดีตรอง ผกก.สันติบาล ส่อนอนคุกต่อ แม้ทีมทนายยื่นประกันแล้วแต่ถูกค้านประกันในชั้นตำรวจ พร้อมเตรียมคัดค้านการประกันชั้นศาลด้วย ขณะที่ “รองฯ ต่อ-พร้อมพวก” ไม่รับทุกข้อหา อ้างลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อนกาสิโนใหญ่ “ส.ว.-ที่ปรึกษา รมว.พม.” หลังได้รับร้องเรียนจาก ปชช.เป็นบ่อนอิทธิพล แถมเปิดด่านฯ ให้คนเข้า-ออกตลอด 24 ชม.เกินเวลากำหนด ชี้ถูกกลั่นแกล้ง

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า จากกรณีที่ตำรวจตระเวณชายแดน (ตชด.) 327 และ สภ.เชียงแสน ได้จับกุมตัว พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ หรือ “รองต่อ” อดีตรอง ผกก.ตำรวจสันติบาล 2 และรองหัวหน้าพรรคประชากรไทย พร้อมพวกรวม 8 คน หลังขับรถยนต์ 2 คันไปที่สามเหลี่ยมทองคำชายแดนไทย-สปป.ลาว-พม่า ตรงจุดผ่อนปรนบ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน ซึ่งเป็นจุดที่มีคนไทยข้ามไปเล่นการพนันในบ่อนคาสิโนในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยพกอาวุธสั้นกว่า 5 กระบอกพร้อมกระสุนอีกเป็นจำนวนมากนั้น เมื่อ 01.00 น.วันนี้(13 ก.ย.) นั้น

ปรากฏว่า ช่วงคืนที่ผ่านมา พ.ต.ท.สันธนะ ได้พยายามติดต่อไปหาบุคคลหลากหลายเพื่อชี้แจงว่าไปทำงานตรวจสอบการเข้าออกชายแดน อย่างไรก็ตามเนื่องจากไม่มีสถานะทางราชการรองรับทำให้ทางตำรวจ สภ.เชียงแสน ยืนยันจะดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.สันธนะ พร้อมพวกให้ถึงที่สุดใน 5 ข้อหา

จากนั้น พ.ต.ต.วิชัย ไชยอิ่นคำ สารวัตรเวร สภ.เชียงแสน เจ้าของคดีได้รับคำสั่งจาก พ.ต.อ.สุธรรม ชาติอาษา ผกก.สภ.เชียงแสน นำผู้ต้องหาที่นอนอยู่ที่ห้องขังมาแล้ว 1 คืนออกมาสอบปากคำทีละคนแต่ปรากฏว่า แต่ละคนต่างไม่ยอมรับข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ โดยยืนยันจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น รวมทั้ง พ.ต.ท.สันธนะ ด้วย

ขณะเดียวกันได้มีทีมทนายความของ พ.ต.ท.สันธนะ เดินทางไปขอประกันตัวบุคคลทั้ง 8 คนด้วยโดยทางเจ้าหน้าที่ได้กำหนดวงเงินกันตัวเอาไว้ที่คนละ 300,000 บาท พร้อมทั้งยังคัดค้านการประกันในชั้นตำรวจเอาไว้ก่อนแล้วด้วย ทำให้ทีมทนายต้องรอให้มีการนำตัวไปฝากขังต่อศาลเมื่อครบ 48 ชั่วโมง ในการควบคุมตัวของตำรวจ เพื่อจะได้ไปประกันตัวในชั้นศาลต่อไป

รายงานข่าวแจ้งอีกว่ าวันเดียวกันเจ้าหน้าตำรวจภูธร ตชด.327 นำโดย พ.ต.ท.อัครภณ วริศเจริญรอง รอง ผกก.ตชด.32 ได้ประสานกับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย นำเครื่องมือจีที 200 โกลบอล และเครื่องอัลฟา 6 ซึ่งใช้สำหรับตรวจหาสารเสพติดไปตรวจที่รถยนต์รถเก๋งมิตซูบิชิสีดำ หมายเลขทะเบียน ศม 7660 กทม. และรถโตโยต้า เอสติม่า สีดำ หมายเลขทะเบียน ศก 4774 กทม.ซึ่งเป็นของ พ.ต.ท.สันธนะและพวก ปรากฏว่า เครื่องทั้งหมดบ่งชี้ว่าพบสารเสพติดหรือเคยมีการขนยาเสพติด

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจค้นก็ไม่พบยาเสพติดภายในรถทั้งสองคันแต่อยางใด
ด้าน พ.ต.ท.สันธนะ เปิดเผยก่อนให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วยท่าทีที่มั่นใจว่า ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะสิ่งที่ทำลงไปเป็นการทำงานภาคประชาชน แม้จะไม่ได้เป็นนักการเมืองแล้ว แต่ก็ทำงานภาคประชาชนและได้รับแจ้งร้องเรียนว่าที่สามเหลี่ยมทองคำมีบ่อนกาสิโนในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน 2 จุด เป็นของสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่งและของที่ปรึกษา รมว.กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์คนหนึ่ง และมีคนไทยข้ามไปเล่นการพนัน รวมทั้งมีการเข้าออกหลังเวลาปิดด่านตั้งแต่ 08.00-18.00 น.รวมทั้งมีการใช้อำนาจอิทธิพล ตนจึงได้นำทีมงานไปตรวจสอบโดยมีการบันทึกภาพ เก็บข้อมูล ก็พบตามนั้นจริงๆ

จากนั้นจึงนำข้อมูลทั้งหมดไปแจ้งเพื่อลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เชียงแสน เพื่อจะได้รายงานต่อไปยังผู้บังคับบัญชาที่อยู่สูงขึ้นไปกว่า อ.เชียงแสน เช่น ผบก.ภ.เชียงราย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ได้รับทราบ แต่ก็มาถูกดำเนินคดีดังกล่าวจึงเชื่อว่ามีการใช้อิทธิพลจึงจะประกันตัวออกไปสู้คดีให้ถึงที่สุด

“ผมรับราชการมา 20 ปีรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ทำผิดกฎหมายด้วยข้อหาเหล่านี้ให้พังหรอก สาเหตุที่มีอาวุธปืนดังกล่าวเพราะผมเคยถูกปองร้ายถึงขั้นจะเอาชีวิตกันมาแล้ว เคยถูกยิงกลางเมืองในปลายปี 2549 ทั้งที่อยู่ในช่วงปฏิวัติ จนลูกน้องต้องตายไปคนหนึ่ง ผมเองก็ถูกถล่มกลางเมืองเหมือนกัน จึงต้องมีอาวุธปืนเอาไว้และยอมรับว่าทั้งหมดเป็นของผมแต่มีเอกสารทั้งหมดเพียงแต่วันที่ถูกจับมีเอกสารครอบครองเป็นสำเนา วันนี้ทีมทนายได้นำมาให้เป็นของจริงหมดแล้ว” พ.ต.ท.สันธนะ กล่าว

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.สุธรรม ชาติอาษา ผกก.สภ.เชียงแสน ยืนยันว่า พฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้ง 8 คน มีความน่าสงสัยว่ามีการไปดักอยู่ที่จุดผ่อนปรน เพื่อตบทรัพย์เอากับคนที่ข้ามไปเล่นการพนัน รวมทั้งทางตำรวจก็สงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีอื่นด้วยหรือไม่ เพราะหนึ่งในนั้นต้องคดีพยายามฆ่าจากท้องที่อื่นมาด้วย จนถูกศาลออกหมายจับ

ขณะเดียวกัน มีการอ้างว่าระดับผู้บังคับบัญชาตำรวจระดับสูงใช้ให้มาทำงาน ซึ่งตนตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่เป็นความจริง ส่วนที่อ้างว่ามาทำงานภาคประชาชนก็ว่ากันไปตามกฎหมายก็แล้วกัน ทั้งนี้ด้วยพฤติกรรมที่อุกอาจดังกล่าว ตำรวจจะคัดค้านการประกันตัวในชั้นฝากขังที่ศาลด้วย