xs
xsm
sm
md
lg

"บุญเรือง"แจงทึ้งงบพีอาร์18ล.อ้างทำถูกต้อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"บุญเรือง"ทำหนังสือยาวเหยียด ชี้แจงนายกรัฐมนตรี ถึงงบโฆษณา 18 ล้านที่ถูกกล่าวหา อ้างทำถูกต้องตามขั้นตอน ย้ำเป็นการจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษตามระเบียบของสำนักนายกฯทุกประการ แต่มีการกลั่นแกล้ง ด้วยบัตรสนเท่ห์ พร้อมท้าส่ง พฐ.ตรวจเอกสารร้องเรียน ระบุฟ้องคนกลั่นแกล้งทุกราย

วานนี้( 2 ก.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกกล่าวหาว่า มีความไม่โปร่งใสในการดำเนินการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ด้วยงบประมาณ 18 ล้านบาทนั้น มีรายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผช.ผบ.ตร. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ถุกตั้งกรรมการสอบว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวนั้น ได้มีหนังสือ ที่ 0001(ปป31)/119 เรื่องของความเป็นธรรมเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีสื่อมวลชนรายงานข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะทำการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ ตัวกระผม ในข้อหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีการจ้างโฆษณาและเผยแพร่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงเงิน 18,697,000 บาท

เรื่องดังกล่าวกระผม พล.ต.ท.บุญเรือง ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาว่า เรื่องนี้เป็นการกล่าวหาในลักษณะบัตรสนเท่ห์ ไม่ปรากฏชื่อผู้ร้องเรียน เพียงอ้างว่าเป็นบริษัทประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตรายการกับส่วนราชการ เนื้อหาของบัตรสนเท่ห์เป็นลักษณะเลื่อนลอย ซึ่งตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2547 ข้อ4(4) กำหนดว่า ตามปกติการร้องเรียนกล่าวโทษข้าราชการตำรวจว่ากระทำผิดวินัยในลักษณะเป็นบัตรสนเท่ห์ ห้ามมิให้รับฟัง เว้นแต่บัตรสนเท่ห์นั้นระบุข้อเท็จจริงพยานหลักฐานกรณีแวดล้อมและหรือระบุพยานบุคคลพยานวัตถุหรือพยานเอกสารทั้งบัตรสนเท่ห์ฉบับนี้มีข้อพิรุธหลายประการที่ชี้ให้เห็นว่าเป็นการจัดทำเพื่อกลั่นแกล้งกล่าวหาพวกกระผมดังนี้

เป็นบัตรสนเท่ห์ที่ไม่ปรากฏตัวตนของผู้ร้อง ทั้งนี้เนื้อหาของผู้ร้องระบุว่าบริษัทถูกกีดกันไม่ให้สามารถเข้ายื่นเสนอราคาเพื่อแข่งขัน ผิดวิสัยของบริษัทที่เสียผลประโยชน์ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ต้องเสนอข้อมูลในฝ่ายของตนที่จะทำให้บริษัทได้รับผลประโยชน์ โครงการนี้มีการดำเนินการเสร็จสิ้นตั้งแต่เดือน ก.ย.2548 แต่เพิ่งมาร้องเรียนเมื่อวันที่28 พ.ย.2550 ระยะเวลาห่างกันถึงสองปี หากบริษัทผู้ร้องมีตัวตนจริงและไม่ได้รับความเป็นธรรมจริง ก็จะต้องมีการร้องเรียนหรือร้องของความเป็นธรรมในช่วงเวลาเกิดเหตุหรือหลังเกิดเหตุไม่นาน ไม่น่าจะปล่อยให้เนิ่นนานเช่นนี้ บัตรสนเท่ห์ฉบับนี้ไม่ได้ผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบงานสารบรรณและไม่ปรากฏหลักฐานสารบบการส่งรับเอกวารทางราชการ

ลักษณะของตัวอักษรที่ปรากฏในบัตรสนเท่ห์ตลอดถึงการประมวลเรื่องและเอกสารพิจารณาการสั่งการมีลักษณะของการพิมพ์จากเครื่องพิมพ์เดียวกัน ซึ่งการตรวจลักษณะเอกสารตามเอกสารดังกล่าวนี้ ท่านสามารถส่งต้นฉบับเอกสารดังกล่าวทุกฉบับไปทำการตรวจพิสูจน์ได้ที่กองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อีกทั้งตามกฎหมายแล้วการจัดจ้างโฆษณาและเผยแพร่งานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3รายการนั้นเป็นการจ้างด้วยวิธีพิเศษได้ตามข้อ 24(1)และ(3)และข้อ58(1) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุพ.ศ.2535 โดยวิธีพิเศษของระเบียบดังกล่าว โดยไม่ต้องดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และทางปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้มีหนังสือลับมากที่ นร0106/123 ลงวันที่ 24 มี.ค.2552 ถึงรองนายกรัฐมนตรี(นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) พิจารณาข้อกฎหมายในลักษณะเดียวกันดังกล่าว เสนอนายกรัฐมนตรีไว้แล้วเช่นกันจึงสามารถทำได้ ปรากฏตามข้อความในบันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องหารือปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เรื่องเสร็จที่ 524/2552 และการใช้จ่ายเงินเป็นเรื่องปกติที่ต้องทำเป็นประจำทุกส่วนราชการ การร้องเรียนกล่าวหาเกี่ยวเงินก็มีอยู่ทั่วไปเช่นกัน แต่การร้องเรียนกล่าวหาที่จะรับฟังนำมาดำเนินการทางวินัยได้ต้องมีพยานหลักฐานที่น่ารับฟังพอสมควร แต่เรื่องนี้ดังที่นำเสนอมาไม่มีหลักฐานสนับสนุนเลย มีแต่คาดเดาเอาเอง เป็นการชัดเจนว่าเป็นการกลั่นแกล้งใส่ร้ายโดยตรง อีกทั้งมีการข่มขู่บังคับว่าจะมีการดำเนินคดีอาญากับผู้บังคับบัญชา หากไม่ดำเนินการทางวินับกับกระผม

กระผมรับราชการมานานกว่า30ปี ตั้งใจปฏิบัติราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ยึดระเบียบและกฎหมายเป็นหลักในการทำงาน มีความก้าวหน้าในอาชีพการงาน จนใกล้จะครบเกษียณอายุราชการแล้ว หากในครั้งนี้ท่านในฐานะผู้บังคับบัญชาจะมีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกระผมกับพวก โดยถือเอาการกลั่นแกล้งกล่าวหาที่มีจุดเริ่มต้น มาจากมีผู้นำบัตรสนเท่ห์ที่เลื่อนลอย ไม่มีการระบุข้อเท็จจริง ทั้งมิได้สอบสวนพยานบุคคล หากมีการนำเอาข้อความในบัตรสนเท่ห์มาเป็นมูลในการออกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกับพวกกระผมแล้ว ก็จะทำให้กระผมหรือแม้แต่ข้าราชการตำรวจทั่วไปเกิดความรู้สึกขาดขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ เฉกเช่นเดียวกันกับที่ท่านนายกรัฐมนตรี ก็ถูกผู้ไม่หวังดีกลั่นแกล้งให้เสียหายปรากฏตามข่าวทางสื่อมวลชนอยู่ในขณะนี้ โดยนำคลิปเสียงของท่านไปสร้างภาพให้เห็นว่าท่านเป็นคดีไม่ดี ทั้งที่น่าเชื่อว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นการตัดต่อมา

กระผมในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าใจความรู้สึกของท่านเป็นอย่างดีที่ต้องถูกกลั่นแกล้งใส่ร้ายในครั้งนี้เพราะก็เป็นเช่นเดียวกับที่กระผมถูกกลั่นแกล้งเช่นกัน ดังนั้นในกรณีของกระผมครั้งนี้ เมื่อท่านนายกรัฐมนตรีทราบความจริงทั้งหมดแล้ว ย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัดได้ว่าไม่มีข้อเท็จจริงที่จะต้องสืบสวนเพิ่มเติมเพราะฉะนั้นเหลือเพียงประเด็นข้อกฎหมายเท่านั้น ซึ่งทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายนัที เปรมรัศมี ได้มีบันทึกสำนักนายกรัฐมนตรี ลับมากที่ นร.0106/123 ลงวันที่ 24 มี.ค.2552 สรุปว่า กระผมและพวกไม่ได้กระทำความผิดวินัยตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด อนึ่งกระผมได้ยื่นฟ้อง ผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ในข้อหาหมิ่นประมาท จำนวน2 รายไว้ที่ ศาลจังหวัดนครพนม หมายเลขคดีดำที่ 1128/2552 และอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องในการใส่ร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 และอื่นๆ กระผมจึงใคร่ของความกรุณาและความเมตตาจากท่านในฐานะผู้บังคับบัญชา
กำลังโหลดความคิดเห็น