ตาก - นอภ.พบพระ สั่ง อส.ออกลาดตระเวนชายแดนและในเขตป่า ขยายผลติดตามคดีหลังพบขบวนการลักลอบขุดแร่ในเขตป่าสงวน
วันนี้ (28 ก.ย.) นายปรีชา ใจเพชร นายอำเภอพบพระ จ.ตาก กล่าวว่า ได้สั่งการให้กำลัง อส.อ.พบพระ และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตก.6 ร่มเกล้า ออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-พม่า และในเขตป่าไม้-ป่าสงวนต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่ารวมทั้งการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ
โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ปลัดอำเภอและ อส.พบพระ ได้ออกลาดตระเวนพบมีการลักลอบขุดแร่ ซึ่งทราบว่าเป็นแร่พลวง ใส่ถุงไว้จำนวนกว่า 200 กิโลกรัมที่บริเวณบ้านพะดี ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ แต่ไม่พบผู้กระทำผิด ฝ่ายปกครองพบพระจึงตรวจยึดอายัดไว้ และทำการตรวจสอบหาเจ้าของ จนทำให้ต้องมีการเข้มงวดในการปราบปรามมากยิ่งขึ้น
“แร่พลวงที่พบน่าจะเป็นแร่เก่าที่เคยมีการทำไว้ ซึ่งต้องสืบทราบให้ได้ว่าแร่ที่ตรวจพบนี้มีที่มาถูกต้องหรือไม่ มีการขอสัมปทานหรือขออนุญาตดำเนินการถูกต้องหรือไม่ ส่วนแร่ที่ตรวจพบชุดแรกได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พบพระ ไปแล้ว เพื่อให้ดำเนินการสืบสวน-สอบสวน หาตัวเจ้าของเพื่อมาสอบสวนแหล่งที่ได้มาต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า บริเวณชายแดนไทย-พม่า ที่ตรวจพบแร่พลวงกว่า 200 กิโลกรัมนี้ ด้านฝั่งตรงข้ามในพม่านั้น เคยเป็นเขตอิทธิพลของกองกำลังกลุ่มกะเหรี่ยงคริสต์ KNU เดิม ที่เคยมีการทำเหมืองแร่ในฝั่งพม่าและเคยมีการค้าแร่กับพ่อค้าไทย ต่อมาพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกทหารพม่าเข้ายึดครองจนเกือบหมดทำให้กลุ่ม KNU ต้องไปหาแหล่งพื้นที่ใหม่อยู่
วันนี้ (28 ก.ย.) นายปรีชา ใจเพชร นายอำเภอพบพระ จ.ตาก กล่าวว่า ได้สั่งการให้กำลัง อส.อ.พบพระ และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตก.6 ร่มเกล้า ออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-พม่า และในเขตป่าไม้-ป่าสงวนต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่ารวมทั้งการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ
โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ปลัดอำเภอและ อส.พบพระ ได้ออกลาดตระเวนพบมีการลักลอบขุดแร่ ซึ่งทราบว่าเป็นแร่พลวง ใส่ถุงไว้จำนวนกว่า 200 กิโลกรัมที่บริเวณบ้านพะดี ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ แต่ไม่พบผู้กระทำผิด ฝ่ายปกครองพบพระจึงตรวจยึดอายัดไว้ และทำการตรวจสอบหาเจ้าของ จนทำให้ต้องมีการเข้มงวดในการปราบปรามมากยิ่งขึ้น
“แร่พลวงที่พบน่าจะเป็นแร่เก่าที่เคยมีการทำไว้ ซึ่งต้องสืบทราบให้ได้ว่าแร่ที่ตรวจพบนี้มีที่มาถูกต้องหรือไม่ มีการขอสัมปทานหรือขออนุญาตดำเนินการถูกต้องหรือไม่ ส่วนแร่ที่ตรวจพบชุดแรกได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พบพระ ไปแล้ว เพื่อให้ดำเนินการสืบสวน-สอบสวน หาตัวเจ้าของเพื่อมาสอบสวนแหล่งที่ได้มาต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า บริเวณชายแดนไทย-พม่า ที่ตรวจพบแร่พลวงกว่า 200 กิโลกรัมนี้ ด้านฝั่งตรงข้ามในพม่านั้น เคยเป็นเขตอิทธิพลของกองกำลังกลุ่มกะเหรี่ยงคริสต์ KNU เดิม ที่เคยมีการทำเหมืองแร่ในฝั่งพม่าและเคยมีการค้าแร่กับพ่อค้าไทย ต่อมาพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกทหารพม่าเข้ายึดครองจนเกือบหมดทำให้กลุ่ม KNU ต้องไปหาแหล่งพื้นที่ใหม่อยู่
