เชียงราย – ตำรวจเชียงรายจัดทีมฝึกซ้อมบีบีกันแทนการใช้อาวุธจริง หวังประหยัดงบหลวง พร้อมให้กำลังพลฟื้นทักษะ
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (23 ก.ย.) พ.ต.อ.ณรงค์ชัย วงศ์สามี รอง ผบก.ภ.เชียงราย เป็นประธานในการเปิดการฝึกซ้อมอาวุธปืนแบบรณยุทธโดยการใช้ปืนอัดลมเบา (AIR SOLFGUN ) หรือบีบีกัน แก่ตำรวจในสังกัด ภ.เชียงราย ณ สนามฝึกซ้อมยุทธกีฬา ร.17 พัน 3 ค่ายเม็งรายมหาราช โดยได้รับอนุญาตจาก พล.ต.เอนก อินทร์อำนวย ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงรายให้ใช้สถานที่ดังกล่าวในการฝึกซ้อมได้ ซึ่งการฝึกซ้อมมีการจัดให้ตำรวจในสังกัด ภ.เชียงราย ทั้ง 24 สถานี ได้มีการจัดแบ่งทีมออกเป็น 128 ทีม เพื่อลงฝึกทำการยิงต่อสู้กันด้วยอาวุธยาวตามรูปแบบการแข่งขันบีบีกัน
การฝึกซ้อมมีการแบ่งการต่อสู้ครั้งละ 2 ทีม โดยจำลองสถานการณ์ว่ามีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับคนร้ายข้างละ 5 คน โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 15 นาที และกำหนดระยะเวลาฝึกซ้อมกันตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.ไปจนถึง วันที่ 12 ต.ค.นี้ เพื่อหมุนเวียนให้ครบทุกทีมต่อไป ซึ่งได้รับความสนใจจากตำรวจที่เข้าร่วมฝึกซ้อมดังกล่าวเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ เนื่องจากตามปกติแล้ว หลังจากผ่านพ้นการฝึกภาคสนามในระหว่างการเรียนในโรงเรียนตำรวจแล้ว ส่วนใหญ่จะทำการฝึกซ้อม ด้วยการยิงเป้ากระดาษวัดระยะในสนามยิงปืนต่างๆ โดยไม่มีการฝึกการเข้าปะทะด้วยอาวุธปืนเหมือนการแข่งขันบีบีกันดังกล่าวมากนัก ยกเว้นผู้ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของกีฬาบีบีกัน
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นให้ความสนใจไปชม เพื่อเตรียมจะฝึกฝนเล่นกีฬาบีบีกันตามแบบอย่างดังกล่าวอีกด้วย
พ.ต.ต.ฐิติกรณ์ เนื่องหล้า หัวหน้ากลุ่มงานสืบสวน ภ.เชียงราย ซึ่งเป็นผู้ดูแลการฝึก กล่าวว่า การฝึกครั้งนี้เป็นการฝึกแนวแข่งขันแบ่งสาย โดยจะให้เจ้าหน้าที่สายปราบปรามและสายสืบสวนที่มาจากแต่ละ สภอ.แบ่งกำลังมาฝึกซ้อมโดยการใช้อาวุธยา วซึ่งเป็นปืนอัดลมเบาหรือบีบีกัน ที่มีขนาดเทียบเท่ากับอาวุธปืนจริง เพื่อให้มีความสมจริงสมจังและทำให้ผู้ใช้มีความชำนาญ คุ้นเคยและคล่องตัวในการใช้อาวุธดังกล่าว
“การใช้ปืนอัดลมเบา จะช่วยให้ประหยัดงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปได้เป็นอย่างมาก เพราะอุปกรณ์และลูกกระสุนมีราคาถูกกว่าอาวุธและกระสุนปืนจริง ทำให้ตำรวจสามารถฝึกได้บ่อยขึ้น โดยเงินที่ใช้ฝึกและแข่งขันกันในทุก สภ.ใช้ไปไม่เกิน 30,000 บาทเท่านั้น แต่หากเป็นอาวุธปืนและกระสุนจริงคงจะใช้นับแสนบาท” พ.ต.ต.ฐิติกรณ์ กล่าว