“ส.ส.ทาสแม้ว” หางโผล่! ขนคนบายศรีม็อบเถื่อน “ภูมิซรอล” หลังไล่หวดผู้รักชาติ

ศรีสะเกษ - “กำนันตัวแสบ” หัวโจกม็อบเถื่อน “ภูมิซรอล” นำชาวบ้านจัดบายศรีสู่ขวัญผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุไล่ทุบตีขบวน ปชช.ผู้รักชาติทวงคืนแผ่นดินไทยแล้วโดนตอบโต้ เผย “ส.ส.ทาสแม้ว” แกนนำม็อบตัวจริงโผล่ ขนนักการเมืองท้องถิ่น-ขรก.-ชาวบ้านในสังกัดแห่ร่วม ขณะ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษเผยทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้ง ขรก.แจ้งความจับกันอื้อรวม 30 คดีแล้ว ส่วนมากเป็นข้อหาทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์ ด้าน “วีระ” แกนนำผู้รักชาติออกจากศีรษะอโศก รุดเข้ากรุงเทพฯ แล้ว

วันนี้ (21 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาวัดบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ร่วมกับชาวบ้านทุกหมู่บ้านในเขต ต.เสาธงชัย จัดพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกับ ขบวนภาคีเครือข่ายประชาชนทวงคืนดินแดนไทยรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) จากทั่วประเทศ ที่บริเวณปากทางเข้าวัดบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 52 ที่ผ่านมา ทำให้ 2 ฝ่ายมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและมีทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก

ชาวบ้านได้ร่วมกันทำพานบายศรีและเชิญพราหมณ์มาประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีนายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 3 พรรคเพื่อไทย (พท.) จ.ส.อ.เกริกชัย ผ่องแผ้ว ปลัดอาวุโสอำเภอกันทรลักษ์ นางศิริพร เจนจิริวัฒนา นายกเทศมนตรีเมืองกันทรลักษ์ พร้อมด้วยข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนจากหลายอำเภอในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษมาร่วมในพิธีประมาณ 1,000 คน

นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และ เป็นแกนนำม็อบป่าเถื่อนปลุกระดมชาวบ้านจนเกิดเหตุการณ์ปะทะเดือดวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา กล่าวว่า การจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเรียกขวัญให้กับชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากการปะทะกันกับภาคีเครือข่ายประชาชนทวงคืนดินแดนไทยรอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งความเป็นจริงแล้วชาวบ้านทุกคนในเขต อ.เสาธงชัย รักความสงบทำมาหากินตามอัตภาพ

แต่ว่าเมื่อมีเหตุการณ์สู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ทำให้ชาวบ้านทำมาหากินด้วยความยากลำบาก เนื่องจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้สั่งปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปหาเข้าหาของป่าและขึ้นไปค้าขายสินค้าหรือขายที่ของระลึกให้กับนักท่องเที่ยวที่พากันมาเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารได้

ขณะนี้กำลังมีการเรียกร้องเพื่อขอให้ทางราชการได้มีการเปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารให้นักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศและทั่วโลกขึ้นไปชมได้ เพื่อประโยชน์ทางด้านการค้าและการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม นายวีระยุทธอ้างว่าได้มีกลุ่มประชาชนทางคืนเขาพระวิหารยกขบวนเข้ามาที่บริเวณ ต.เสาธงชัย และทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นโดยการใช้อาวุธ มีด ไม้ หนังสติ๊ก ไล่ยิง ตีชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านต้องรวมกลุ่มกันต่อสู้เพื่อความอยู่รอด

ทั้งที่ชาวบ้านทุกคนไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นมาอีก หลังจากที่เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) พากันมาไล่ตีกับชาวบ้านภูมิซรอลที่รักสงบ และเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พวกชาวบ้านได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินได้รับความเสียหายจำนวนมาก

ล่าสุด ตนได้นำชาวบ้านไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ไว้แล้ว เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 ก.ย.52 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คำกล่าวของนายวีระยุทธ ถือว่าขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ฝ่ายม็อบชาวบ้านมาดักไล่ทำร้ายพันธมิตรฯ ก่อน ระหว่างที่กำลังเคลื่อนขบวนไปประกาศเจตนารมณ์ที่ผามออีแดง ในอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ซ้ำรอยกับเ้มื่อปี 2551 ที่พันธมิตรฯ เดินทางมาประกาศเจตนารมณ์และถูกม็อบจัดตั้งไล้ทำร้ายเช่นกัน

ทางด้าน พล.ต.ต.สมพงษ์ ทองวีระประเสริฐ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ศรีสะเกษ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย ไล่ทำร้ายขบวนประชาชนทวงคืนเขาพระวิหารจนถูกการ์ดตอบโต้ว่า ขณะนี้มีการเข้าไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บึงมะลูแล้ว จำนวน 30 คดี

โดยแยกเป็นกลุ่มประชาชนทวงคืนเขาพระวิหาร 10 คดี กลุ่มชาวบ้านภูมิซรอลจำนวน 21 คดี และกลุ่มข้าราชการที่ได้รับบาดเจ็บอีก 9 ราย รวมแล้วเป็น 30 คดี ส่วนมากเป็นข้อหาทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์ และอาจมีการเข้ามาแจ้งความเพิ่มอีก

พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวต่อว่า ตนได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วัฒนา เงินหมื่น รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เข้าไปควบคุมดูแลคดีนี้ และขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งจะขอความร่วมมือไปยังสื่อมวลชนทุกแขนงเพื่อขอภาพถ่ายวิดีโอและภาพนิ่งมาเพื่อประกอบคดี ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ และคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนได้ในเร็วๆ นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ (21 ก.ย.) ได้มีขบวนรถตู้ของนายวีระ สมความคิด และคณะ แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนทวงคืนดินแดนไทยรอบปราสาทพระวิหาร จำนวน 3 คัน ออกมาจากภายในบริเวณหมู่บ้านศีรษะอโศก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และเดินทางมุ่งหน้าไปยัง จ.อุบลราชธานี เพื่อขึ้นเครื่องบินที่ จ.อุบลราชธานี เดินทางกลับกรุงเทพฯ

ขณะที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่าขณะนี้ทหารได้มีการลดกำลังทหารในการตั้งด่านสกัดลงแล้ว เหลือเพียงทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านตรวจจำนวนหนึ่งเท่านั้น