พิษณุโลก – เจาะสนามค้าปลีกเมืองสองแคว ใต้เงื้อมมือสารพัดห้างใหญ่-ทุนยักษ์ ทั้ง “บิ๊กซี-เทสโก้ โลตัส-แม็คโคร” ที่เข้ามาปักธงเปิดสาขาตั้งแต่ปี 40 ทำผู้ค้าปลีกขนาดกลาง-ย่อยเจ๊งระนาว ต้องเปลี่ยนอาชีพหนีตายแล้วหลายราย เหลือเพียงโชวห่วยห้องแถวหน้าปากซอยและชุมชนเท่านั้นที่พออยู่ได้ พร้อมถอดบทเรียน “พิษณุไมโคร” ทุนค้าส่งเงินเชื่อชื่อดังในอดีต เร่งปรับตัวหันขายสด-เจาะสินค้า/ผู้ซื้อเฉพาะกลุ่ม
นับตั้งแต่ปี 2540 ที่ห้างใหญ่-ทุนยักษ์ เข้ามาปักธงเปิดสาขาที่พิษณุโลก ทั้ง “เทสโก้โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร” ทำให้สถานการณ์ค้าปลีกในเมืองพิษณุโลกแข่งขันรุนแรงตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ค้าปลีกขนาดกลาง-ย่อย ล้มหายตายจากไปแล้วหลายราย
บางรายต้องเปลี่ยนอาชีพเลิกกิจการ เช่น ห้างทูเดย์ ห้างค้าปลีกชั้นนำของสองแควเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ต้องเลิกกิจการหันไปเป็นตัวแทนจำหน่ายเบียร์แทน ห้างท็อปแลนด์อาเขต ก็ปรับธุรกิจค้าปลีกให้เล็กลง เน้นทำร้านสะดวกซื้อกระจายไปทั่วเมือง พร้อมๆ กับยอมจับมือโลตัส เอ็กซ์เพรสให้เข้าไปขายในพื้นที่ตนเอง ขณะที่ห้างค้าปลีกภูธรอย่าง “อีคอน” ก็ปรับธุรกิจเน้นสินค้าที่จำเป็นแก่ท้องถิ่น เน้นขายข้าวถุง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักดั้งเดิมของตระกูลที่ค้าพืชไร่มายาวนานแทน
ขณะที่ 3 ห้างยักษ์ค้าปลีก-ค้าส่งกลับโกยยอดขายได้อย่างเป็นน้ำเป็นเนื้อ ผู้บริโภคทั้งในเขตจังหวัดพิษณุโลกและใกล้เคียง แห่เข้าใช้บริการวันละไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่นคน ทำยอดขายเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท/วัน (ยอดรวม) ในวันธรรมดา ส่วนวันหยุดห้างยักษ์แต่ละราย วางเป้าทำยอดขายไว้ที่ 10 ล้านบาท/วัน/ห้างทีเดียว จนทำให้ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกข้ามขาติสัญชาติฝรั่งเศส คือ คาร์ฟูร์ เล็งหาลู่ทางเปิดห้างค้าปลีกเพิ่มอีกราย โดยอยู่ระหว่างหาที่ดินทำเลทองเท่านั้น
นายสุระสิทธิ์ บุญเหลื่อม ผู้จัดการทั่วไปห้างพิษณุไมโคร ธุรกิจค้าปลีกขนาดกลางเก่าแก่ของพิษณุโลก ที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ในขณะนี้ เปิดเผยถึงสถานการณ์ค้าปลีกในเมืองพิษณุโลกที่เปลี่ยนไปว่า การเข้ามาของห้างใหญ่ทำให้ค้าปลีกในระดับกลางของพิษณุโลกล้มหายตายหรือปิดกิจการไป เหลือเพียงโชวห่วยรายเล็กๆ ที่อยู่รอด ค้าขายอยู่หน้าชุมชนหรือหน้าปากซอยเท่านั้น
สำหรับ “พิษณุไมโคร” ถือว่าเป็นค้าปลีกระดับกลางที่เหลือเพียงไม่กี่รายที่ต้องปรับกลยุทธ์ต่อสู้กับห้างดิสเคานต์สโตร์อย่างไม่มีทางเลือก ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้บริโภคเลือกเข้าห้างดิสเคานต์สโตร์ทุกวัน คือ ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์เทสโก้ โลตัส และห้างแม็คโคร แต่ล่าสุดผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น ทำให้มีช่องว่างทางการตลาดที่เราพอจะทำได้
ดังนั้น จากเดิมห้างพิษณุไมโคร เคยค้าขายสินค้าอุปโภคบริโภคไม่กี่ชนิด เน้นขายวอลุ่มขนาดใหญ่กระจายไปหลายจังหวัดในระบบสินเชื่อ เมื่อเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยน จึงตัดสินใจปรับกลยุทธ์และปรับโครงสร้างใหม่ เลิกขายเชื่อ เน้นขายเงินสดในสินค้าเฉพาะกลุ่มและเฉพาะอย่างในราคาถูกแทน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
“หากจะสู้กับค้าปลีกข้ามชาติควรเลือกสินค้าขายเฉพาะกลุ่ม และเป็นสินค้าเท่าที่จำเป็นต่อผู้บริโภคเท่านั้น ไม่ควรเกิน 1,000 ชนิด โดยไม่จำเป็นต้องซื้อตุนสินค้าไปทุกชนิดเหมือนกับห้างดิสเคานต์สโตร์ ซึ่งจะเพิ่มภาระต้นทุนมากขึ้น”
เขาบอกว่า ทุกวันนี้เขาเน้นขายสินค้าเฉพาะในราคาถูก และกล้ายืนยันว่าสินค้าอุปโภคบริโภค 90% ที่พิษณุไมโคร ถูกกว่าห้างแม็คโคร นอกจากนี้ยังบริการส่งสินค้าให้แก่ผู้บริโภคต่างอำเภอได้อีกด้วย
นายสุระสิทธิ์บอกอีกว่า วันนี้เราคงไม่ต้องไปต่อสู้กับห้างค้าปลีกข้ามชาติ เพราะกำลังทุน และกำลังคนเทียบกันไม่ได้ แต่เราก็อยู่รอดได้ เพราะทุกธุรกิจจะมีช่องว่างทางการตลาด ผู้ค้าปลีกจะต้องเลือกสินค้าที่จำเป็นต่อผู้บริโภคเพียงไม่กี่ชนิด เพื่อบริหารมาร์จิ้นสินค้าแต่ละตัวให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวของห้างค้าปลีกข้ามชาติหลังจากนี้ คือ ห้างค้าปลีกข้ามชาติต้องการกินรวบ พยายามขยายเครือข่ายต่อยอดธุรกิจค้าปลีกเข้าสู่ธุรกิจการเงิน เช่น การหาสมาชิกบัตรเขียวของเทสโก้ โลตัส เป็นต้น