อุดรธานี - BOI ร่วม สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ จัดสัมมนาแนะนำนักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว และเวียดนาม เผยแม้เป็นบ้านใกล้เรือนเคียงแต่นักธุรกิจไทยจำนวนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจขั้นตอนระเบียบการค้าการลงทุนอาจทำให้เสียโอกาส แนะเรียนรู้ภาษาวัฒนธรรมกัมพูชา-เวียดนามให้ลึกซึ้งก่อนเข้าไปแสวงลู่ทางลงทุน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (4 ก.ย.) ที่ โรงแรมเซ็นทารา เซ็นเตอร์ คอนเวนชั่นฮอล อุดรธานี นายกฤษเพชร ศรีปาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีเป็นประธานเปิดการสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง “เปิดประตูสู่ สปป.ลาวและเวียดนาม โอกาสของนักลงทุนไทย” โดยมีผู้ประกอบการ นักลงทุนที่สนใจเข้าไปลงทุนในประเทศ สปป.ลาว และเวียดนาม นักวิชาการ นักศึกษา บุคคลทั่วไปที่สนใจทั้งภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมสัมมนาหนาตา
น.ส.ชุติมา พุ่มศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 3 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จ.ขอนแก่น กล่าวว่า BOI ร่วมกับ สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษาฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดการสัมมนาครั้งนี้ขึ้น เพื่อให้นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และผู้ที่สนใจมีโอกาสรับทราบข้อมูล ขั้นตอนการดำเนินงานธุรกิจและสถานการณ์การลงทุนในประเทศทั้งสอง เนื่องจาก สปป.ลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ต่างมีแหล่ง ทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์และสวยงาม
รวมถึงมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกโลก ด้วยเหตุนี้การลงทุนทั้ง 2 ประเทศ จึงเป็นโอกาสทีน่าสนใจอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจ
ปัจจุบัน สปป.ลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้เปิดโอกาสให้นักลงทุนชาวต่างชาติเข้าไปประกอบกิจการด้วยการสร้างแรงจูงใจ โดยการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและให้สิทธิพิเศษและความช่วยเหลือด้านต่างๆ เช่น สิทธิการถือครองที่ดิน การทำธุรกรรมทางการเงิน และกฎหมายคุ้มครองผู้ประกอบการชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนมากยังขาดความรู้และความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจใน สปป.ลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอยู่มาก
“เราต้องการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่นักธุรกิจและนักลงทุนไทย ที่สนใจที่จะเข้าไปลงทุน เพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาและอุปสรรคของการลงทุนใน สปป.ลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แก่นักธุรกิจและนักลงทุน รวมทั้งบุคคลอื่นที่สนใจ และเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการลงทุนในสปป.ลาวและสาธารณรับสังคมนิยมเวียดนามแก่นักลงทุนไทย” น.ส.ชุติมากล่าว และว่า
ทั้งนี้ ภารกิจของ BOI นั้น นอกจากจะซักชวนนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศแล้ว ยังต้องแนะนำนักลงทุนไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ทางรัฐบาลเน้นหนักในเรื่องเศรษฐกิจ โดยจะให้เศรษฐกิจเติบโตไปพร้อมๆ กัน สำหรับนักลงทุนในพื้นที่ภาคอีสานขณะนี้ ส่วนใหญ่จะลงทุนในธุรกิจประเภท ฟาร์ม ปศุสัตว์เป็นส่วนใหญ่หรือโรงงานปลูกพืชเพื่อที่จะผลิตกระดาษและธุรกิจประเภทร้านอาหาร
น.ส.ชุติมา กล่าวต่อว่า การเข้าไปลงทุนของนักลงทุนไทยใน ประเทศกัมพูชา หรือเวียดนามนั้น ปัญหาที่พบมากคือปัญหาการสื่อสารด้านภาษาเป็นอย่างมาก ต้องเร่งปรับตัวเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่จะไปลงทุนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจได้มาก ส่วนการติดต่อค้าขายกับประเทศลาวนั้นไม่มีปัญหาเพราะสื่อสารกันเข้าใจได้ง่ายอยู่แล้ว