ศูนย์ข่าวศรีราชา - กองทัพเรือเห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อจากสนามบินนานาชาติระยอง–อู่ตะเภา เป็น “สนามบินอู่ตะเภา-พัทยา” รอเพียงประกาศจากกรมการขนส่งทางอากาศอย่างเป็นทางการเร็ววันนี้ พร้อมแต่งตั้งนายกเมืองพัทยาเป็นคณะกรรมการบริหารสนามบินร่วมอีก 1 ตำแหน่ง
วันนี้ (3 ก.ย.) พล.ร.ต.สุรพงษ์ อัยสานนท์ รองผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา พร้อมคณะทำงาน เดินทางเข้าพบนายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เพื่อประชุมปรึกษาหารือในการร่วมกันสนับสนุนงบประมาณการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์โดยรอบของสนามบินให้เป็นไปในเชิงอนุรักษ์และพัฒนาเป็นสนามบินพาณิชย์มากยิ่งขึ้น
พล.ร.ต.สุรพงษ์ เผยว่า ทางกองทัพเรือได้มีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อสนามบินจากเดิมคือ สนามบินนานาชาติระยอง-อู่ตะเภา เป็น “สนามบินอู่ตะเภา-พัทยา” และจากนี้ต้องรอประกาศจากกรมการขนส่งทางอากาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ก่อนแจ้งเรื่องไปยังองค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ให้ทราบเรื่อง ซึ่งพร้อมกันนี้ทางกระทรวงกลาโหมยังได้มีคำสั่งให้เพิ่มคณะกรรมการบริหารสนามบินร่วมอีก 1 ตำแหน่ง คือ นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา
ส่วนเรื่องการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในสนามบินอู่ตะเภานั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการปรับแบบของอาคารที่พักผู้โดยสารแล้ว โดยยึดแบบตามสนามบินนานาชาติพิษณุโลก ซึ่งจากเดิมที่เคยรับผู้โดยสารได้เพียง 400 คนต่อชั่วโมง จะเพิ่มเป็น 1,500 คนต่อชั่วโมง ด้วยงบประมาณกว่า 700 ล้านบาท นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือจากเมืองพัทยาในด้านการจัดสรรงบประมาณในการเปลี่ยนป้ายชื่อสนามบิน การปรับภูมิทัศน์ และการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน
“ด้านขนส่งมวลชน ทางสนามบินเล็งเห็นว่าการเดินทางโดยรถไฟน่าจะเหมาะสมที่สุด เนื่องจากบริเวณสนามบินมีรางรถไฟพาดผ่าน ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับเมืองพัทยาได้ทันทีแต่ต้องเพิ่มงบประมาณในการสร้างสถานีรถไฟเพิ่มเติมอีกหนึ่งจุด” พล.ร.ต.สุรพงษ์ ระบุ
พล.ร.ต.สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ด้านการประชาสัมพันธ์ ทางผู้บริหารสนามบินเตรียมเดินทางบินตรงเพื่อเจรจากับสายการบินต่างๆ ในวันที่ 13 กันยายน 2552 นี้ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อแนะนำให้สายการบินต่างๆ ทั่วโลกได้รับทราบข้อมูลในการปรับปรุงสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา-พัทยา ซึ่งหากได้รับการตอบรับก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีและประเทศไทยต่อไปในอนาคต
ด้าน นายอิทธิพล กล่าวด้วยว่า การเปลี่ยนชื่อของสนามบินในครั้งนี้ทำให้เมืองพัทยาสามารถประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงดึงดูดให้ต่างชาติเข้าถึงเมืองพัทยาได้ง่าย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในอนาคตอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการแต่งตั้งให้นายกเมืองพัทยา ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของสนามบินร่วมกับกองทัพเรือนั้น พบข้อมูลว่าไม่ผิดต่อหลักกฎหมายแต่อย่างใด เพราะสามารถดำเนินการได้ตามภาระหน้าที่ของผู้บริหารปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะสร้างประโยชน์ให้กับท้องถิ่นและประชาชน โดยบทบาทภาระหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารสนามบินร่วมในส่วนของเมืองพัทยา จะได้เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องการบริหารการจัดการ การทำการตลาด และการประชาสัมพันธ์ การจัดหางบประมาณสนับสนุน รวมถึงส่วนอื่นๆ ที่คาบเกี่ยวอีกด้วย