กาฬสินธุ์ - อาหารกุ้งก้ามกรามพุ่งถุงละ 600 บาท ชี้ราคายังจะสูงขึ้นอีก อ้างผลพวงทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ชาวนากุ้งเผยราคาอาหารกุ้งปรับขึ้นวันต่อวันเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ เนื่องจากขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
นายบุญน้อม ภูนาโคก ชาวนากุ้งบ้านตูม หมู่ 4 ตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัจจัยการเลี้ยงกุ้งที่สำคัญ คือ ต้องมีน้ำถ่ายเทสะดวก นอกจากนี้พันธุ์ลูกกุ้งที่นำมาเลี้ยงต้องมีคุณภาพ ไม่เกิดโรคระบาด และอาหารกุ้ง จะต้องราคาถูก คุณภาพดี และการให้อาหารต้องให้อย่างสม่ำเสมอ สมดุลกับจำนวนกุ้งที่เลี้ยงในบ่อ กุ้งถึงจะเจริญเติบโต และได้ขนาดจับจำหน่าย เพื่อที่จะได้มีเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
นายบุญน้อมกล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ชาวนากุ้งที่จังหวัดกาฬสินธุ์ กำลังประสบปัญหาด้านค่าใช้จ่าย ทำให้กุ้งไม่เจริญเติบโตตามอายุ เพราะชาวนากุ้งส่วนมากประกอบอาชีพทำนาควบคู่กับการเลี้ยงกุ้ง ซึ่งมีรายได้น้อย และยังจะต้องซื้อทั้งอาหารกุ้งที่มีราคาแพงถึงถุงละ 610 บาท ที่จะมีการปรับราคาขึ้นลงทุกวันบางวันขึ้นลงที่ 5 บาทแต่บางวันราคาเพิ่มขึ้น 20 บาทก็มี นายหน้าที่ขายอาหารกุ้งจะอ้างเพียงว่าเป็นไปตามกลไกของตลาดที่ราคายังไม่นิ่ง
เรื่องนี้ถือว่าเป็นความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะชาวนากุ้งกาฬสินธุ์ต้องผจญกับทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้การเลี้ยงกุ้งปีนี้เจอวิกฤต นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของปุ๋ยที่แพงถึงถุงละ 1,000 กว่าบาท จึงต้องประหยัดและลดปริมาณการให้น้อยลง ส่งผลให้กุ้งชะงักการเจริญเติบโต และต้องยืดระยะเวลาการจับจำหน่ายออกไปอีก
ขณะที่หลายคนยังมีหนี้สินทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จึงเป็นปัญหาที่ชาวนากุ้งจังหวัดกาฬสินธุ์ ต้องแบกรับกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม นอกจากสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามที่จังหวัดกาฬสินธุ์จะสะสมด้วยปัญหาดังกล่าวแล้ว บรรยากาศการซื้อขายยังเงียบเหงา และราคายังตกต่ำ ที่กิโลกรัมละ 150 บาท ไม่คุ้มกับการลงทุน เพราะต้นทุนการเลี้ยงเฉลี่ยกิโลกรัมละ 135 บาท ขณะที่รายจ่ายสูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนการผลิตคืออาหารกุ้ง จึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้ามาควบคุมราคาของปุ๋ยและอาหารกุ้งก้ามกราม ที่ปัจจุบันมีนายหน้าและกลุ่มนายทุนผูกขาดขายอยู่กลุ่มเดียวเท่านั้น
นายบุญน้อม ภูนาโคก ชาวนากุ้งบ้านตูม หมู่ 4 ตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัจจัยการเลี้ยงกุ้งที่สำคัญ คือ ต้องมีน้ำถ่ายเทสะดวก นอกจากนี้พันธุ์ลูกกุ้งที่นำมาเลี้ยงต้องมีคุณภาพ ไม่เกิดโรคระบาด และอาหารกุ้ง จะต้องราคาถูก คุณภาพดี และการให้อาหารต้องให้อย่างสม่ำเสมอ สมดุลกับจำนวนกุ้งที่เลี้ยงในบ่อ กุ้งถึงจะเจริญเติบโต และได้ขนาดจับจำหน่าย เพื่อที่จะได้มีเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
นายบุญน้อมกล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ชาวนากุ้งที่จังหวัดกาฬสินธุ์ กำลังประสบปัญหาด้านค่าใช้จ่าย ทำให้กุ้งไม่เจริญเติบโตตามอายุ เพราะชาวนากุ้งส่วนมากประกอบอาชีพทำนาควบคู่กับการเลี้ยงกุ้ง ซึ่งมีรายได้น้อย และยังจะต้องซื้อทั้งอาหารกุ้งที่มีราคาแพงถึงถุงละ 610 บาท ที่จะมีการปรับราคาขึ้นลงทุกวันบางวันขึ้นลงที่ 5 บาทแต่บางวันราคาเพิ่มขึ้น 20 บาทก็มี นายหน้าที่ขายอาหารกุ้งจะอ้างเพียงว่าเป็นไปตามกลไกของตลาดที่ราคายังไม่นิ่ง
เรื่องนี้ถือว่าเป็นความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะชาวนากุ้งกาฬสินธุ์ต้องผจญกับทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้การเลี้ยงกุ้งปีนี้เจอวิกฤต นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของปุ๋ยที่แพงถึงถุงละ 1,000 กว่าบาท จึงต้องประหยัดและลดปริมาณการให้น้อยลง ส่งผลให้กุ้งชะงักการเจริญเติบโต และต้องยืดระยะเวลาการจับจำหน่ายออกไปอีก
ขณะที่หลายคนยังมีหนี้สินทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จึงเป็นปัญหาที่ชาวนากุ้งจังหวัดกาฬสินธุ์ ต้องแบกรับกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม นอกจากสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามที่จังหวัดกาฬสินธุ์จะสะสมด้วยปัญหาดังกล่าวแล้ว บรรยากาศการซื้อขายยังเงียบเหงา และราคายังตกต่ำ ที่กิโลกรัมละ 150 บาท ไม่คุ้มกับการลงทุน เพราะต้นทุนการเลี้ยงเฉลี่ยกิโลกรัมละ 135 บาท ขณะที่รายจ่ายสูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนการผลิตคืออาหารกุ้ง จึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้ามาควบคุมราคาของปุ๋ยและอาหารกุ้งก้ามกราม ที่ปัจจุบันมีนายหน้าและกลุ่มนายทุนผูกขาดขายอยู่กลุ่มเดียวเท่านั้น