นครศรีธรรมราช – ชาวบ้านสุดทนพฤติกรรมอดีตผู้ใหญ่บ้านบุกรุกป่าสงวนป่าชายเลนกว่า 100 ไร่ เพื่อทำนากุ้ง รวมตัวร้องเรียนกับ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.นครศรีธรรมราช ส่วนอีกรายนายทุนรุกสร้างบ้านบนภูเขา 2 นายอำเภอรับลูกเตรียมตรวจสอบเอาผิดตามกฎหมาย
วันนี้ (21 ส.ค.) ประชาชนท้องที่หมู่ 2 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ร้องเรียนกับนายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีที่อดีตผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในท้องที่ หมู่ 2 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช บุกรุกป่าสงวนป่าชายเลนกว่า 100 ไร่ และปัจจุบันได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวทำนากุ้งธรรมชาติ พฤติกรรมของอดีตผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวไม่มีใครกล้าแตะต้อง จึงขอวิงวอนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายด้วย
จากการตรวจสอบข้อมูลการร้องเรียน พบว่า อดีตผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวมีอิทธิพลและบารมีในพื้นที่อย่างกว้างขวาง และไม่มีใครกล้าโวยวาย แม้แต่ข้าราชการทุกระดับในอำเภอปากพนังก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องทั้งๆ ที่ชาวบ้านเคยร้องเรียนพฤติกรรมต่างๆ ของอดีตผู้ใหญ่บ้านรายนี้หลายครั้ง และเห็นการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนนำทำประโยชน์โดยทำนากุ้งธรรมชาติอย่างชัดเจน
นายจารุมัย นพรัตน์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับการร้องเรียนเรื่องการบุกรุกป่าสงวน 2 แห่ง ประกอบด้วยพื้นที่ ต.เขาน้อย อ.ร่อนพิบูลย์ ซึ่งมีการสร้างบ้านบนภูเขาหลังใหญ่ เรื่องนี้ทางนายอำเภอร่อนพิบูลย์ ยืนยันว่าจะทำการสอบสวนข้อเท็จจริงและรายงานให้จังหวัดทราบอย่างเร่งด่วนต่อไป ส่วนอีกแห่งหนึ่งคือที่หมู่ 2 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก ที่อดีตผู้นำท้องถิ่นบุกรุกป่าชายเลนกว่า 100 ไร่ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ดังกล่าวจริง จึงรายงานให้ท่านผู้ว่าฯทราบและสั่งการให้นายอำเภอปากพนังสอบสวนรายละเอียดข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้บุกรุกต่อไป
หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า สำหรับในรายของ หมู่ 2 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตกนั้น เราพบว่าผู้นำท้องถิ่นมีการเตรียมการที่จะสืบทอดอำนาจผู้นำท้องถิ่น ที่จะเลือกตั้งในวันที่ 24 ส.ค.2552 นี้ โดยมีการย้ายคนเข้ามาในพื้นที่เพื่อให้ลงคะแนนเลือกคนของตัวเองจำนวน 43 คน เรื่องนี้ทางนายอำเภอได้ตรวจสอบพบความไม่ชอบมาพากลและเข้าไปจัดการให้มีการย้ายคนจำนวนดีงกล่าวออกไปนอกพื้นที่แล้วจำนวน 37 คน ยังเหลือ 6 คนแม้จะไม่มีตัวตนในพื้นที่แต่เป็นเครือญาติของอดีตผู้นำท้องถิ่นคนดังกล่าว
วันนี้ (21 ส.ค.) ประชาชนท้องที่หมู่ 2 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ร้องเรียนกับนายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีที่อดีตผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในท้องที่ หมู่ 2 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช บุกรุกป่าสงวนป่าชายเลนกว่า 100 ไร่ และปัจจุบันได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวทำนากุ้งธรรมชาติ พฤติกรรมของอดีตผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวไม่มีใครกล้าแตะต้อง จึงขอวิงวอนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายด้วย
จากการตรวจสอบข้อมูลการร้องเรียน พบว่า อดีตผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวมีอิทธิพลและบารมีในพื้นที่อย่างกว้างขวาง และไม่มีใครกล้าโวยวาย แม้แต่ข้าราชการทุกระดับในอำเภอปากพนังก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องทั้งๆ ที่ชาวบ้านเคยร้องเรียนพฤติกรรมต่างๆ ของอดีตผู้ใหญ่บ้านรายนี้หลายครั้ง และเห็นการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนนำทำประโยชน์โดยทำนากุ้งธรรมชาติอย่างชัดเจน
นายจารุมัย นพรัตน์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับการร้องเรียนเรื่องการบุกรุกป่าสงวน 2 แห่ง ประกอบด้วยพื้นที่ ต.เขาน้อย อ.ร่อนพิบูลย์ ซึ่งมีการสร้างบ้านบนภูเขาหลังใหญ่ เรื่องนี้ทางนายอำเภอร่อนพิบูลย์ ยืนยันว่าจะทำการสอบสวนข้อเท็จจริงและรายงานให้จังหวัดทราบอย่างเร่งด่วนต่อไป ส่วนอีกแห่งหนึ่งคือที่หมู่ 2 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก ที่อดีตผู้นำท้องถิ่นบุกรุกป่าชายเลนกว่า 100 ไร่ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ดังกล่าวจริง จึงรายงานให้ท่านผู้ว่าฯทราบและสั่งการให้นายอำเภอปากพนังสอบสวนรายละเอียดข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้บุกรุกต่อไป
หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า สำหรับในรายของ หมู่ 2 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตกนั้น เราพบว่าผู้นำท้องถิ่นมีการเตรียมการที่จะสืบทอดอำนาจผู้นำท้องถิ่น ที่จะเลือกตั้งในวันที่ 24 ส.ค.2552 นี้ โดยมีการย้ายคนเข้ามาในพื้นที่เพื่อให้ลงคะแนนเลือกคนของตัวเองจำนวน 43 คน เรื่องนี้ทางนายอำเภอได้ตรวจสอบพบความไม่ชอบมาพากลและเข้าไปจัดการให้มีการย้ายคนจำนวนดีงกล่าวออกไปนอกพื้นที่แล้วจำนวน 37 คน ยังเหลือ 6 คนแม้จะไม่มีตัวตนในพื้นที่แต่เป็นเครือญาติของอดีตผู้นำท้องถิ่นคนดังกล่าว