ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “สุวัจน์” ชี้พรรค “ยี้ห้อย” เสนอออก กม.นิรโทษกรรมเสื้อเหลือง-แดงและขรก. หากเป็นประโยชน์แก้ปัญหาบ้านเมืองแตกแยกได้จริงสมควรได้รับการสนับสนุน จี้หยุดเคลื่อนไหวฎีกา “แม้ว” ได้แล้วเพื่อให้บ้านเมืองเรียบร้อย เชื่อ “เติ้ง” มองรัฐบาลอยู่ยาว 8 ปีต้องการให้มีเสถียรภาพเปลี่ยนนายกฯ บ่อยไม่ดี ระบุยังไม่ถึงเวลาคิด ยุบพรรค รช. รวม “ชาติไทยฯ” เหตุยังไม่มีสัญญาณเลือกตั้ง
วันนี้ (20 ส.ค.) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) และ 1 ใน 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย(ทรท.) ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ให้สัมภาษณ์ที่จ.นครราชสีมา ถึงกรณีพรรคภูมิใจไทย เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมทางการเมืองของประชาชน ทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กลุ่มเสื้อแดงและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นมติของพรรคร่วมรัฐบาลหรือเป็นเรื่องของแต่ละพรรคการเมือง เพราะการเสนอกฎหมายเข้าสภาฯ แต่ละพรรคเขามีดุลยพินิจในการนำเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง หรือบางทีอาจเป็นมติพรรคร่วมรัฐบาล
หากเป็นมติพรรคร่วมรัฐบาลก็ง่ายที่จะได้รับการสนับสนุนและได้เสียงข้างมาก แต่หากเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวที่เสนอในนามพรรคนั้นต้องไปทำความเข้าใจกันในสภาฯ คิดว่าวันนี้สถานการณ์ความไม่เข้าใจกัน ความแตกแยกยังมีอยู่ ฉะนั้นหลายฝ่ายคงอยากช่วยกันนำเสนอว่า มีวิธีใดที่จะแก้ไขปัญหานั้น เพียงแต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไรคงต้องไปว่ากันด้วยเหตุผลในสภาฯ และฟังความคิดเห็นของ ส.ส.รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น จะนิรโทษกรรมให้บ้าง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ได้ปฏิบัติไปตามขั้นตอนของกติกาบ้านเมืองคือการนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ไม่ใช่มาถกเถียงกันข้างนอก จะเห็นด้วยหรือไม่ก็เป็นขั้นตอนในระบอบประชาธิปไตย แต่หากมองภาพรวมคงเป็นความพยายามในการนำเสนอแนวทางเพื่อให้ได้ความสงบเรียบร้อย
“สถานการณ์บ้านเมืองวันนี้ต้องยอมรับว่า 2-3 ปีที่ผ่านมาเราแตกแยกกันมาก ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ทำให้เราลำบากในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนตัวมองว่าอะไรที่เข้าสู่สภาฯ เขาต้องมีพื้นฐานความคิดของเขา ของแต่ละพรรค เพียงแต่จะได้รับการสนับสนุนเห็นชอบหรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่เสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ ถือว่าเป็นแนวทางของขั้นตอนการนำเสนอที่คิดว่าเป็นแนวทางของประชาธิปไตย เพียงแต่ทุกคนต้องไปช่วยกันดูว่ามันจะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่ ถ้าแก้ไขได้จริง เชื่อว่าสมควรที่จะได้รับการสนับสนุน แต่หากเป็นแนวทางที่ไม่เรียบร้อยนักคงต้องไปหาวิธีการแก้ไขกันต่อไป” นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์กล่าวถึงการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของกลุ่มเสื้อแดงว่า เมื่อยื่นถวายฎีกาแล้วก็เป็นขั้นตอนที่รัฐบาลจะส่งความเห็นมาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงยุติธรรมให้ความเห็น ถือว่าขั้นตอนต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการนี้ควรจะได้หยุดได้แล้ว เพื่อให้บ้านเมืองเรียบร้อย
“ตอนนี้ต้องช่วยกันรักษาสถานการณ์ของความเรียบร้อยเอาไว้ อย่าให้มันบานปลายไปสู่ความแตกแยกมาก เพราะวันนี้เรื่องเศรษฐกิจหนักมาก โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกก็ยังไม่ได้ฟื้นจริงๆ” นายสุวัจน์ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในวันเกิดครบรอบ 77 ปีว่า ขอให้รัฐบาลอยู่ยาว 8 ปี นั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่านายบรรหารเป็นผู้ใหญ่ทางการเมือง และเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งต้องยอมรับกันว่าเวลาที่มีรัฐบาลหรือประชาธิปไตยมีความต่อเนื่องในนโยบายนานๆ บ้านเมืองจะดี แต่ถ้าปีหนึ่งเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี 2-3 คน บ้านเมืองก็ลำบาก
ดังนั้น ขณะนี้หากเราหยุดความแตกแยกแล้วรัฐบาลมีเสถียรภาพและมีความต่อเนื่องในการทำงานมันก็ดีทั้งนั้น ฉะนั้นเป็นความปรารถนาของคนที่เขาเห็นข้อเท็จจริงทางการเมืองอย่าง นายบรรหาร ที่มองออกว่า ถ้าล้มลุกคลุกคลานเดี๋ยวเปลี่ยนนายกฯ เดี๋ยวเปลี่ยน รัฐบาลคงจะไปลำบาก
สำหรับพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาจะยุบรวมกับ พรรคชาติไทยพัฒนา นั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า อันนี้ต้องแล้วแต่ว่าสมาชิกเขาจะคิดกันอย่างไร สมาชิกทุกคนยังมีความเหนียวแน่นกับพรรคดี ทุกคนยังช่วยรัฐบาลทำงานตามปกติ แต่จะตัดสินใจอะไรกันคงต้องคิดกัน แต่ยังไม่ถึงเวลา
“ช่วงนี้ยังไม่มีสถานการณ์อะไรที่บ่งบอกจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่เมื่อถึงเวลานั้นแล้วทุกคนคงต้องมีคำตอบ ขอให้ถึงเวลาก่อน” นายสุวัจน์กล่าว