ลำปาง – “พังบัวคำ” ช้างตาบอดที่ได้รับจากการบริจาคผ่านโครงการ “ช้างยิ้ม” ของ กทม. เดินทางถึงศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยแล้ว การตรวจสุขภาพเบื้องต้นแข็งแรง เตรียมส่งต่อเข้าศุนย์บริบาลช้าง ที่เปรียบเป็นบ้านพักหลังสุดท้ายสัปดาห์หน้า
วันนี้ (11 ส.ค.) ช้างพังบัวคำ อายุประมาณ 30 ปี ของนางกรรมกร มาดี เป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นช้างตาบอดด้านขวา และได้ขายช้างให้กับกรุงเทพมหานคร ตามโครงการ “ช้างยิ้ม” เพื่อแก้ปัญหาช้างเร่ร่อนแบบยั่งยืนในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เมื่อวันที่ 3 ก.ค.52 ที่ผ่านมา ได้ถูกส่งมาถึงศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง แล้ว
หลังจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ทำพิธีมอบช้างพังบัวคำ แก่สถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จ.ลำปาง เพื่อดูแลต่อไป ตั้งแต่ 10 ส.ค.52 ที่ผ่านมา
โดยช้างพังบัวคำ พร้อมด้วยนายคำมั่น แสงจันทร์ ควาญช้างได้เดินทางด้วยรถบรรทุก กว่า 900 กิโลเมตร ถึงจังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นบ้านหลังใหม่ เมื่อเที่ยงคืนเศษที่ผ่านมา ซึ่งระยะทางที่ห่างไกล และจากการกระเทือนของสภาพถนนทำให้ช้างเหนื่อยล้า ทางทีมสัตวแพทย์โรงพยาบาลช้างศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จึงให้พังบัวคำได้พักผ่อนช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายจากการเดินทาง
จนกระทั่งเวลา 08.00 น.เศษ ทีมสัตวแพทย์นำโดยนายสัตวแพทย์ สิทธิเดช มหาสาวังกุล หัวหน้าฝ่ายโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ได้ทำการตรวจร่างกาย และดวงตาของพังบัวคำพบว่าตาด้านขวาบอดสนิทไม่มีลูกตา คาดว่าน่าจะประสบอุบัติเหตุมากกว่าที่พิการมาตั้งแต่กำเนิด ส่วนสุขภาพโดยรวมแข็งแรงแต่จะมีสภาพซูบผอมเล็กน้อย หลังจากนี้จะได้ทำการตรวจเลือด และพักผ่อนอยู่ ณ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนที่จำนำตัวไปอยู่ ณ ศูนย์บริบาลช้างบ้านปางหละ อ.งาว จ.ลำปาง ซึ่งเป็นเสมือนบ้านหลังสุดท้ายของช้างพังบัวคำ ซึ่งที่นั้นจะเป็นบ้านพักของช้างที่ปลดระวาง ช้างพิการ ช้างป่วย ใช้งานไม่ได้แล้วทั้งสิ้นประมาณ 25 เชือก ซึ่ง ณ ศูนย์บริบาลช้างแห่งนี้ มีเพียงแห่งเดียวของประเทศ ในแต่ละปีต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูช้างประมาณ 6 ล้านบาท
สำหรับโครงการ “ช้างยิ้ม” นั้นกรุงเทพมหานคร ได้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับบริจาคเงินจากผู้มีจิตศรัทธาช่วยซื้อช้างพังบัวคำ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 77 พรรษา 12 สิงหาคม 2552