กทม.เตรียมยก “พังบังคำ” ให้สถาบันคชบาลดูแล - รันทด! ยอดบริจาคช่วยช้างยังนิ่งแค่หมื่นกว่าบาท

กทม.เตรียมเซ็นสัญญาซื้อขาย-ส่งมอบช้าง “พังบังคำ” ตาบอดข้างขวาอายุ 30 ปีให้สถาบันคชบาลไปดูแลที่ลำปาง ขณะที่ยอดบริจาคหาเงินซื้อช้างยังไม่กระเตื้องมีเงินในบัญชีแค่หมื่นกว่าบาท วอนผู้ใจบุญช่วยบริจาคเงินไถ่ชีวิตช้างเยอะๆ เผยเตรียมออกข้อบัญญัติช้างแก้ปัญหาช้างเร่ร่อนเพราะรอ พ.ร.บ.ไม่ทันใจ

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม เวลา 11.15 น.จะมีการเซ็นสัญญาซื้อขายช้างและส่งช้างคืนสู่ธรรมชาติ โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เป็นประธานซึ่งช้างที่จะมีการซื้อขายนั้นเป็นของนายคำมั่น แสงจันทร์ ดูแลช้างพังชื่อ “บังคำ” อายุ 30 ปี พิการตาข้างขวาบอด ซึ่งนายคำมั่นมีความประสงค์จะขายช้างเชือกดังกล่าว เป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท กทม.ได้ประสานมูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติ เพื่อซื้อและปล่อยสู่ป่าธรรมชาติ แต่มูลนิธิฯไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากช้างพิการตาบอด ประกอบกับเป็นช้างเลี้ยงที่มีอายุมาก หากปล่อยสู่ป่าจะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ กทม.จึงได้ประสานทางสถาบันคชบาลแห่งชาติรับพังบังคำไปดูแลที่จังหวัดลำปาง ตามโครงการช้างยิ้ม เพื่อแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนหารายได้ในเขตกรุงเทพฯ แบบยั่งยืน โดยนำวิธีการแก้ปัญหาทางด้านสังคมควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมาย ด้วยการไม่สนับสนุนซื้ออาหาร หรือสิ่งของใดๆ จากผู้ควบคุมช้างที่นำมาเร่ขายหารายได้

อย่างไรก็ตาม กทม.ได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงไทยสาขาย่อยศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ชื่อ “ช่วยชีวีช้างไปดูแล” เลขที่ 088-0-03418-1 เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 77 พรรษา 12 สิงหาคม 2552 ทั้งนี้ นับแต่ กทม.ได้เปิดบัญชีรับบริจาคนั้นมีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเข้ามาแล้ว ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2552 เวลา 12.00 น. เป็นจำนวนเงินเพียง 12,160 บาทซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยเมื่อเทียบกับราคาที่จะซื้อขายช้างจึงอยากเชิญชวนคนใจบุญร่วมบริจาคเข้ามามากๆ และในส่งมอบช้างก็อยากเชิญชวนประชาชนผู้บริจาคเงินมาร่วมส่งช้างพังบังคำด้วยกัน

นายธีระชนกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในวันดังกล่าวจะมีการมอบเงินค่าอาหารช้างจำนวน 50,000 บาท ให้แก่ศูนย์อนุรักษ์ช้าง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อสนับสนุนค่าอาหารช้างแก่พลายโชคดีที่ กทม.ร่วมกับกรมปศุสัตว์จับและกักไว้ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างเพื่อรอฟ้องศาล เนื่องจากคาดว่าเป็นช้างป่าลักลอบสวมทะเบียน ส่วนเรื่องข้อกฎหมายนั้น กทม.อยู่ระหว่างดำเนินการออกข้อบัญญัติเรื่องช้าง โดยที่จะไม่รอ พ.ร.บ.ช้างเพื่อแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนให้หมดไปภายในวันที่ 2 กรกฎาคม 2553 อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้จะมีการดำเนินการเข้มงวดในการจับ-กักและอายัดช้างเร่ร่อนเป็นเวลา 30 วัน โดยร่วมงานกับกรมปศุสัตว์อย่างต่อเนื่อง