พิจิตร - ส.อบจ.พิจิตร ร้องชาวนาถูกกดราคาข้าว หลังโรงสีประกาศไม่รับจำนำ อ้างหมดโควตา ขู่ไม่เกิน 3 วันนี้มีสิทธิ์เกิดม็อบปิดถนนอีก
นายธวัชชัย พลอยกิติกูล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) พิจิตร เขต อ.สามง่าม ซึ่งมีอาชีพทำนาและเป็นตัวแทนชาวนาเขตลุ่มน้ำยม ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวนาในแถบ อ.สามง่าม, อ.โพธิ์ประทับช้าง, อ.โพทะเล ที่ทำนาปรัง และกำลังเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากนำข้าวเปลือกนาปรังไปเข้าโครงการรับจำนำข้าวที่รัฐบาลเคยประกาศว่า เริ่มต้น 15 มี.ค.2552 - 31 ก.ค.2552
แต่วันนี้ (28 ก.ค.) พอชาวนาขนข้าวเปลือกนาปรังไปเข้าโครงการ โรงสีในพิจิตร 23 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ ต่างปฏิเสธว่าไม่รับจำนำ โดยอ้างเหตุผลว่าหมดโควตารับจำนำแล้ว และให้ขายเงินสด ซึ่งก็ได้ราคาเพียง 7 พันบาทเศษ ทั้งๆ ที่โรงสีในเขตจังหวัดนครสวรรค์, กำแพงเพชร, พิษณุโลก ต่างรับซื้อถึงตันละ 8,500-9,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นการกดราคา
“คาดว่าไม่เกิน 3 วันนี้จะมีการลุกฮือประท้วงปิดถนนอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องขอให้เปิดรับจำนำข้าวนาปรังของชาวนาพิจิตร ถ้าไม่มีการแก้ปัญหา”
ขณะที่ นายจีระวุธ ชัยโยธา การค้าภายใน จ.พิจิตร เปิดเผยว่า โครงการรับจำนำข้าวนาปรังของ จ.พิจิตร ครั้งแรกได้โควตา 62,000 จากนั้นก็ขอโควตารอบ 2 ได้เพิ่มมาอีก 79,000 ตัน และขอโควตารอบที่ 3 ได้มาอีก 31,000 ตัน ซึ่งก็รับจำนำข้าวนาปรังจากเกษตรกรเรื่อยมา คิดเป็นจำนวนเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ 11,348 ราย เป็นประมาณข้าว 414,209 ตัน ก็ถือว่าเต็มโควตาจริง ดังนั้นโรงสี 23 แห่งที่เข้าร่วมโครงการจึงหมดสิทธิที่จะดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังของเกษตรกร
แต่โรงสีเหล่านี้ก็ซื้อขายด้วยเงินสด และยอมรับว่าโรงสีพิจิตร รับซื้อข้าวจากชาวนาเพียงตันละ 7 พันบาทเศษ ซึ่งก็ถือว่าต่ำกว่าจังหวัดรอบข้าง โดยอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยความชื้นก็เป็นได้ ดังนั้นจึงขอแนะนำให้เกษตรกรก่อนจะขายขอให้ขายเงินสดเท่านั้น เพื่อป้องกันการถูกโกง และขอให้ตรวจสอบราคาให้เป็นที่พอใจแล้วจึงขาย
ส่วนเรื่องจะมีโครงการรับจำนำมาอีกเมื่อไหร่ มากน้อยแค่ไหน คงต้องรอนโยบายจากส่วนกลางและรัฐบาลกำหนดอีกครั้ง แต่ช่วงนี้ชาวนาคงต้องเผชิญและยอมรับกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพราะข้าวเปลือกของ จ.พิจิตร มีมาก และมีการทำทั้งนาปี และนาปรัง มากถึง 2 ปี 7 ครั้ง