xs
xsm
sm
md
lg

ชาวนาเชียงรายโร่ขอศาลเมตตา หลังถูกตัดสินจำคุก 6 เดือนฐานปิดถนน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย - ชาวนาเชียงรายโร่ร้องขอเมตตาจากศาล หลังถูกตัดสินจำคุก 6 เดือนฐานปิดถนน พร้อมยื่นประกันตัวเพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อ

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (27 ก.ค.) กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ อ.พานประมาณ 10 คน นำโดยนายจิรายุ เผ่ากา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เขต อ.พาน ได้ไปยื่นหนังสือขอความเมตตาที่ศาลจังหวัดเชียงราย โดยยื่นผ่านนายสมชาย นพสรอมรกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานศาลจังหวัดเชียงราย ผ่านไปยังอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 5 ประธานศาลอุธรณ์ภาค 5 และหัวหน้าผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงราย หลังจากเมื่อ 23 ก.ค.ที่ผ่านมาศาลจังหวัดเชียงราย ได้มีคำพิพากษาให้จำคุกแกนนำกลุ่มผู้ปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ อ.พาน จำนวน 3 คน เป็นเวลา 6 เดือน และปรับคนละ 200 บาท ในข้อหาผิดกฎหมายทางจราจร กฎหมายทางหลวงและการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากก่อเหตุปิดถนนพหลโยธินสายพะเยา-เชียงราย บริเวณหมู่บ้านสันทราย ต.เจริญเมือง อ.พาน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือพยุงราคาข้าวนาปรังที่ตกต่ำ

สำหรับหนังสือที่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังนำไปยื่นต่อศาลดังกล่าวมีเนื้อหาว่าหลังจากศาลขั้นต้น ได้ตัดสินลงโทษทั้งหมดไปแล้วนั้น ทุกคนยอมรับผลการตัดสินดังกล่าว แต่มีการนำข้อมูลจากการตัดสินของศาลเดียวกันต่อกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังที่ปิดถนนสายเชียงราย-แม่จัน บริเวณศาลเจ้ากิ่วทัพยั้ง ต.แม่จัน อ.แม่จัน ในช่วงเวลาเดียวกันมาเปรียบเทียบด้วยว่า กลุ่มผู้ปิดถนนที่ อ.แม่จัน ดังกล่าวมีลักษณะการเรียกร้องเหมือนที่ อ.พาน และถูกตั้งข้อกล่าวหาเหมือนกันรวมทั้งผู้ต้องหาก็รับสารภาพเหมือนกันหมด แต่ปรากฏว่ากลับถูกลงโทษเพียงแค่ปรับคนละ 10,000 บาท และให้รอลงอาญา 2 ปี ดังนั้นจึงขอความเมตตาจากศาลเพราะเกษตรกรใน อ.พาน เดือดร้อนเนื่องจากราคาผลผลิตตกต่ำจริงๆ

หนังสือระบุอีกว่าเหตุการณ์ปิดถนนดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อรัฐบาลมีนโยบายรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 โดยกำหนดโควตาเอาไว้จำนวน 2.5 ล้านตัน แต่เมื่อชาวนาใน จ.เชียงราย เก็บเกี่ยวข้าวได้เพียง 10% ทางโรงสีที่เข้าร่วมโครงการต่างประกาศหยุดรับจำนำทำให้ชาวนาสงสัยว่ามีเบื้องหลัง จึงร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องแต่ไม่เป็นผลดังนั้นจึงชุมนุมเรียกร้องด้วยการปิดถนนประท้วง 2 จุดคือที่ อ.พาน และ อ.แม่จัน ดังกล่าว โดย อ.พาน มีแกนนำ 3 คนซึ่งถูกพิพากษาจำคุกไปแล้วประกอบด้วยนายอำพล เวียงสิมา นายมานิตย์ คำปุก และนายภูชิต โสลา ส่วน อ.แม่จัน ประกอบไปด้วยนายบุญเรียน โนพะเส้า นายบุญแต่ง ธรรมสาร และนายกิจชนะ ปาระมี

ท้ายหนังสือระบุว่า จากคำตัดสินของศาลที่มีต่อกลุ่มเกษตรกร อ.พาน นั้นทุกคนยอมรับผลการตัดสินแต่เห็นว่าคำตัดสินรุนแรงเกินไปและไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงขอความเมตตาจากศาลเพื่อให้ช่วยผ่อนปรนให้แก่ชาวนา เพราะไม่ได้มีเจตนาจะกระทำผิดกฎหมายแต่เดือดร้อนเพราะภาครัฐไม่เอาใจใส่ หนี้สินก็เร่งรัด ข้าวที่เก็บเกี่ยวก็นำเข้าสู่โครงการรับจำนำไม่ได้ เมื่อขายตามท้องตลาดก็ขาดทุนด้วย

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ต่อมานายสมชาย นพสรอมรกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานศาล จ.เชียงราย ได้รับหนังสือจากตัวแทนเกษตรกร และระบุว่าคำพิพากษาของศาล จ.เชียงราย เมื่อตัดสินไปแล้วคงจะไปเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่ได้อีก แต่ก็รู้สึกเห็นใจชาวนาอย่างมากเพราะเกิดปัญหาเรื่องผลผลิตราคาตกต่ำจึงมีการชุมนุมเรียกร้อง ดังนั้นตนจะนำหนังสือที่ชาวบ้านยื่นไปถึงมือผู้ที่ต้องการโดยตรง เพราะเท่าที่ดูแล้วเห็นว่าชาวนายอมรับคำตัดสินของศาลทั้งหมดและในสำนวนที่ผ่านมาก็ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ดังนั้นจึงเป็นลักษณะของความเมตตากระนั้นทางศาลอุทธรณ์จะตัดสินอย่างไรในอนาคตนั้นเราคงไม่อาจไปก้าวล่วงได้

ด้าน นายจิรายุ เผ่ากา สมาชิก อบจ.เชียงราย เขต อ.พาน แกนนำชาวนาในครั้งนี้ กล่าวว่า หลังจากยื่นหนังสือในครั้งนี้แล้วทางชาวนาทั้ง 3 คนที่ถูกตัดสินให้จำคุกและปรับ ได้ประกันตัวออกมาโดยใช้หลักทรัพย์เงินสดคนละ 30,000 บาท ที่ได้จากการเรี่ยไรเงินกันเอง เพื่อสู้คดีต่อแล้ว และจะมีการยื่นอุทธรณ์ภายในวันที่ 23 ส.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นความเดือดร้อนที่ได้รับเพิ่มเติมอีก เพราะหลายคนยังไม่ได้รับเงินจากการขายข้าวนาปรังจนถึงปัจจุบัน ก็ต้องมาเสียเงินช่วยเหลือแกนนำที่พาไปชุมนุมประท้วง ดังนั้น ตนจะขอใช้ตำแหน่งสมาชิก อบจ.เชียงราย ไปยื่นประกันตัวแทนหลักทรัพย์เงินสดดังกล่าวต่อไป ส่วนคดีความในอนาคตนั้นก็หวังว่าศาลจะให้ความเมตตาต่อชาวนาที่เดือดร้อนต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น