พิษณุโลก - “หม่อมอุ๋ย” ฟันธงรัฐบาล “มาร์ค” เดินถูกทาง แต่ต้องจัดการให้ดี หนุนงบ “ไทยเข้มแข็ง” เต็มที่ เชื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจชาติได้ ตามรอยทฤษฎี สป.จีน ที่ทุ่มเงินลงพื้นที่ยากจนก่อน จน จีดีพีโตเพิ่มได้ มั่นใจไตรมาสปีนี้สุดท้ายดีขึ้นแน่ ยกเว้นภาคการท่องเที่ยว บริการ ที่มีสิทธิ์ฟุบยาวถึงปลายปีหน้า ขณะที่ภาคการเกษตรคาดยังซึมยาว หลังสต๊อกผลผลิตรัฐบาลล้นกระทบราคาในท้องตลาด
วันนี้ (23 ก.ค.) ที่โรงแรมลาพาโลมา อ.เมือง จ.พิษณุโลก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เดินทางมาบรรยายพิเศษที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดยมี นายทวีศักดิ์ ฟุ้งเกียรติเจริญ ที่ปรึกษา บสย.และ นายเกรียงไกร ชัยศิริวงศ์สุข ผู้จัดการอาวุโสสำนักงาน บสย.พิษณุโลก ให้การต้อนรับ มีนักธุรกิจและนายธนาคารต่างให้ความสนใจร่วมรับฟังไม่ต่ำกว่า 800 คน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว เศรษฐกิจสหรัฐฯที่ถดถอยตั้งแต่ปี 2549 ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกทรุดตัวลงตาม แต่ประเทศจีนไม่ได้รับผลกระทบ เพราะพึ่งพาส่งออกเพียง 20%เท่านั้น หากเจาะลึกเศรษฐกิจจีน ก็พบว่า รัฐบาลทราบดีว่า มณฑลชายฝั่งทรุดเพราะเศรษฐกิจโลก แต่รัฐบาลจีนทุ่มเงินลงทุนไปยังมณฑลที่ยากจนกว่า ทำให้จีดีพีของจีนร่วงเหลือ 6% จากนั้นเพียงแค่ไม่กี่ปี ทั้งเศรษฐกิจแถบมณฑลชายฝั่งและตอนในของประเทศก็ฟื้น เพราะเงินรัฐที่อัดฉีดลงไป ส่งผลให้จีดีพีของจีนพุ่งกลับมาเป็น 6.2% และคาดว่า ไตรมาส 3 -4 จะโตถึงระดับ 10%
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว เพียงแต่ไหลลงในอัตราที่ลดลงเท่านั้น ยังไม่ถือว่าดีขึ้น เพียงแค่นักเล่นหุ้นวิเคราะห์หรือคาดการณ์ล่วงหน้าเท่านั้นเอง
“เศรษฐกิจฟื้นของจริงยังไม่เกิดขึ้น”
มรว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า ส่วนของไทย เขามองว่า ส่วนเศรษฐกิจไทย ไตรมาส 3 จะขยับและไตรมาสสุดท้ายจะดีขึ้นบ้าง สิ่งที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้น ก็คือ งบไทยเข้มแข็ง 1.43 ล้านล้านบาท ครึ่งหนึ่งหรือ 8 แสนล้านบาท เป็นงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนน โรงเรียน ย่อมส่งผลให้บริษัทรับเหมา ธุรกิจก่อสร้างในต่างจังหวัดกระเตื้องขึ้น
ในภาคการส่งออกไม่สามารถบอกได้ว่า ดีหรือไม่ จะต้องไปดูประเทศปลายทางที่ส่งออกไป ส่วนธุรกิจท่องเที่ยวยังไม่เห็นทางสว่าง ยิ่งประสบกับปัญหาไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ จะซบเซาไปถึงปลายปี 2553 โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางภาคเหนือ เว้นแต่จังหวัดชายทะเล เช่น ภูเก็ต จะไม่ได้รับผลกระทบ
“ดังนั้น ในภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นจริง ไม่ควรเข้าไปเสี่ยง อาจจะนิ่งหรือหยุดไปเที่ยวจะดีกว่า เพื่อลดความเสี่ยงให้น้อยลง”
อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มองว่า การที่รัฐบาลไทยผลักดันงบไทยเข้มแข็ง ดูแล้วก็เหมือนว่าจะต้องการทำให้เหมือนประเทศจีน คือ กระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาค ซึ่งหากจัดการอย่างสัมฤทธิ์ผล ก็เชื่อว่า จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยได้
“ฟันธงว่า รัฐบาลเดินทางมาดูทางแล้ว เพียงต้องจัดการให้ดีเท่านั้น”
ส่วนภาคการเกษตรนั้น เชื่อว่า ยังไม่ฟื้น รัฐบาลไทยยังมีสต๊อกข้าวจำนวนมาก อีกทั้งผลผลิตข้าวจากประเทศอินเดีย ก็มีอีกจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศไม่ค่อยดี ภาพรวมของภาคเกษตรยังไม่น่าตื่นเต้น สินค้ายางพารา ก็ต้องขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน ควรจับตาธุรกิจก่อสร้างและการกระตุ้นการท่องเที่ยว นโยบายไทยเที่ยวไทยจะมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะที่นายเกรียงไกร ชัยศิริวงศ์สุข ผู้จัดการอาวุโสสำนักงาน บสย.พิษณุโลก กล่าวว่า งบไทยเข้มแข็งของรัฐบาลจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจเอง เพราะเป็นงบลงทุน ช่วยกระตุ้นให้เกิดการก่อสร้าง เกิดความต่อเนื่องทางธุรกิจ จึงเกิดความมั่นใจ เกิดเงินหมุนเวียน และสถาบันการเงินจะกล้าปล่อยกู้ผู้ประกอบการ ทำให้แบงก์คลายกังวลเรื่องหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น เพราะคนเกิดความเชื่อมั่น เนื่องจากรัฐบาลกล้าเอาเงินนำร่องลงในภาคก่อสร้าง ส่วนในภาคเกษตรเหนือตอนล่างจริงๆ แล้ว ไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก