หอดูดาวบัณฑิตจับมือสถาบันวิจัยดาราศาสตร์เตรียมพร้อมกลุ่มเยาวชนลุยส่องพระอาทิตย์มืดที่เมืองจีน

ฉะเชิงเทรา - หอดูดาวบัณฑิตแปดริ้ว จับมือสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เทรนนิ่งเตรียมความพร้อมให้กลุ่มเยาวชนกว่า 40 ชีวิต ลุยส่องดูดวงพระอาทิตย์มืดกลางวัน ที่เมืองจีน ขณะนักดาราศาสตร์ ระบุ ปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง มีหลายสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าการมองเป็นเพียงแค่ดวงจันทร์มาบดบังดวงอาทิตย์แล้วพื้นผิวโลกมืดลง

วันนี้ (28 มิ.ย.) นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต นักดาราศาสตร์ไทย เปิดเผยว่า จากการที่ในวันพุธที่ 22 ก.ค.2552 จะเกิดปรากฏการณ์ “สุริยุปราคาเต็มดวง” ที่ดวงอาทิตย์จะถูกดวงจันทร์บดบังจนทำให้ท้องฟ้ามืดลงในเวลากลางวัน สามารถมองเห็นได้ ในประเทศอินเดีย จีน ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก นั้น

ขณะนี้ด้านความเคลื่อนไหวของนักดาราศาสตร์ไทย ได้มีการเตรียมตัวที่จะเดินทางไปศึกษาหาประสบการณ์ ที่ประเทศจีนมากถึง 3 ทีมด้วยกัน คือ ทีมของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ทีมของสมาคมดาราศาสตร์ไทย และทีมงานของหอดูดาวบัณฑิต เองที่จะเดินทางไปที่เมืองเจียซิง ได้รับความสนใจจากสถานศึกษาหลายแห่ง โดยเฉพาะที่โรงเรียน (เอกชน) เพลินพัฒนา ตั้งอยู่ย่านซอยสวนผัก พุทธมณฑล สาย 2 กทม.ที่จะขอนำเด็กนักเรียนผู้สนใจ และผู้ปกครองเดินทางติดตามไปเฝ้าสังเกตการณ์ของการเกิดปรากฏการณ์ในครั้งนี้กับคณะของหอดูดาวบัณฑิต ที่ประเทศจีนอย่างใกล้ชิดด้วยถึงกว่า 40 ชีวิต

โดยที่ทางหอดูดาวบัณฑิตนั้น ได้ร่วมมือกับ ดร.ศรันย์ โปรษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ได้จัดเตรียมความพร้อมในการนำนักดาราศาสตร์ชั้นแนวหน้า มาบรรยายให้ความรู้กับเด็กนักเรียน ผู้สนใจ และผู้ปกครอง เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ ให้สามารถใช้อุปกรณ์ด้านดาราศาสตร์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ รู้หลักวิธีการดูปรากฏการณ์อย่างปลอดภัย รวมถึงเทคนิคของการถ่ายภาพปรากฏการณ์ด้วย

ดร.ศรันย์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง ที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่จะมืดยาวนานที่สุดในศตวรรษ และนับจากปีนี้ไปจะต้องรอต่อไปอีก 123 ปี จึงจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงแบบยาวนานอย่างนี้อีกครั้งหนึ่ง ส่วนในประเทศไทยนั้น จะมีโอกาสเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงขึ้นในอีก 61 ปีข้างหน้า คือ ในวันที่ 11 เม.ย.2613 แต่จะไม่ยาวนานมากเท่ากับในครั้งนี้ ซึ่งล่าสุด ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น คือ เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2538 เป็นระยะเวลาเพียงแค่ 1 นาที 52 วินาทีเท่านั้น

จึงได้มาแนะนำเยาวชน และผู้สนใจที่จะเดินทางไปสังเกตปรากฏการณ์ในครั้งนี้ ว่า จะต้องสังเกตสิ่งใดบ้าง มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เพราะปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ดวงจันทร์มาบังดวงอาทิตย์ แล้วมืดลงเท่านั้น มันมีอะไรที่มากกว่านั้นอีกมากมาย และดีใจที่เด็กนักเรียน-ผู้ปกครอง ให้สนใจที่จะเดินทางไปร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้ด้วย เพื่อฝึกเป็นประสบการณ์ ในอนาคตเด็กๆ เหล่านี้อาจจะเป็นนักดาราศาสตร์รุ่นต่อไป ที่จะได้อยู่เป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ในการเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงในประเทศไทย ในอีก 61 ปีข้างหน้า

ขณะที่ นายทนง โชติสรยุทธ์ ประธานกรรมการบริหารโรงเรียนเพลินพัฒนา กล่าวว่า ทางโรงเรียนดีใจมากที่ผู้ปกครองและเด็กนักเรียนให้ความสนใจทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งถือว่าเป็นการจัดค่ายดาราศาสตร์สำหรับเด็ก อายุระหว่าง อายุ 7 ขวบ ถึง 16 ปี เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่ได้เดินทางไปสังเกตการณ์ ฝึกหาประสบการณ์จริงยังต่างประเทศ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เด็กๆ ที่สนใจ ด้านวิทยาศาสตร์ และดาราศาสตร์มากขึ้น

และถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างมากสำหรับเด็กๆ ในครั้งนี้ ที่จะได้เดินทางไปพร้อมๆ กับบรรดานักดาราสตร์ หรือผู้ที่สนใจด้านดาราสตร์ จริงๆ จำนวนมากถึงกว่า 10 ชีวิต อย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าเด็กๆ จะได้รับความรู้ และประสบการณ์ ในครั้งนี้อย่างมหาศาล จากการเดินทางร่วมคณะไปในครั้งนี้อย่างแน่นอน

ขณะที่ ด.ญ.ฐิติรัตน์ สิริภัทรวณิช อายุ 14 ปี และ ด.ช.รพี พิมพ์ทอง วัย 15 ปี พร้อมเพื่อนๆ นักเรียน ชั้น ม.3 ของโรงเรียนเพลินพัฒนา กล่าวว่า ดีใจที่จะได้มีโอกาสเดินทางไปฝึกหาประสบการณ์ในการเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ กับบรรดากลุ่มนักดาราสตร์ที่มีชื่อเสียง พร้อมทั้งจะได้รับคำแนะนำประสบการณ์จากนักดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นวิทยากรโดยตรง จากเดิมที่เคยเรียนอยู่แต่เพียงในห้องเรียนแค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น ซึ่งในชีวิตยังไม่เคยเห็นมาก่อน

การเดินทางไปในครั้งนี้ นอกจากจะได้สังเกตปรากฏการณ์บนท้องฟ้าแล้ว ยังจะได้ดูปรากฏการณ์เงามืดแปลกๆ บนพื้นผิวโลก ทั้งปฏิกิริยาของพืชและสัตว์ ที่อาจมีการตอบสนองที่ผิดแปลกไปจากภาวะปกติ เช่น นกอาจจะบินกลับรัง พืชบางชนิดอาจจะหุบใบ พร้อมกับอากาศที่จะเย็นลงด้วย ตามที่ได้เคยเรียนมา ซึ่งจะเป็นโอกาสที่จะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในครั้งนี้ด้วย