ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้บังคับหน่วยเรือไทย พร้อมคณะวางพวงมาลาสักการะอนุสาวรีย์ บุคคลสำคัญของเวียดนาม อดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ พร้อมเข้าเยี่ยมคาราวะผู้บัญชาการภาคทหารบกที่ 7 และผู้บัญชาการทหารเรือเวียดนาม หารือแก้ปัญหาทะเล ลดความขัดแย้งทะเลเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ลาดตระเวนร่วมกัน ปราบปรามยาเสพติด การก่อการร้ายสากล โจรสลัด อนุรักษ์สิ่แวดล้อม และเตรียมแผนพัฒนาความร่วมมือซึ่งกันและกันในอนาคต
วันนี้ (17 มิ.ย.) พล.ร.ต.วรศักดิ์ จันหนู รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 และผู้บังคับหน่วยเรือเดินทางเยือนเมืองท่าโฮจิมินห์ซิตี้ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม น.อ.มนตรี สุวรรณชัย รองผู้บังคับหน่วยเรือ น.อ.อานนท์ ดาระสวัสดิ์ เสนาธิการหน่วยเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ได้เดินทางเข้าเยี่ยมคำนับ พ.อ.(พิเศษ) Vo Van Co (โว วัน ก๊อ) รองเสนาธิการ ภาคทหารบกที่ 7 ผู้แทน ผู้บัญชาการภาคทหารบกที่ 7 ณ นครโฮจิมินห์ Mr.Nguyen Trung Tin (เหงียน จุง ติน) รองประธานคณะกรรมการประชาชน ณ นครโฮจิมินห์ และ น.อ.(พิเศษ) ดัง พุก ฮา (Dang Phrc Hoa) ผู้บังคับการโรงเรียนเทคนิคทหาร ผู้แทน ผู้บัญชาการทหารเรือ
ทั้งนี้ เพื่อแนะนำตัว และทำความรู้จักในวาระที่ได้เดินทางมาเยือนนครโฮจิมินห์ ตามประเพณีปฎิบัติ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน รับฟังข้อเสนอแนะอันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฎิบัติภารกิจทางด้านการทหาร การเมือง เศรษฐกิจ สังคม การค้าระหว่างประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่มีความเชื่อมโยงต่อกันทั้งทางตรงและทางอ้อม หลังจากนั้น พล.ร.ต.วรศักดิ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปยังอนุสาวรีย์โฮจิมินห์ หรือชาวโลกเรียกว่า “ลุงโฮ” เพื่อวางพวงมาลาสักการะบุคคลสำคัญของประเทศ ในอดีตลุงโฮมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับประเทศไทย และสามารถกอบกู้เอกราชกลับคืนมาสู่ชาวเวียดนามได้อย่างภาคภูมิใจ
ต่อมาคณะของ พล.ร.ต.วรศักดิ์ ได้เดินทางไปยังกองบัญชาการกองทัพเรือ เพื่อเข้าเยี่ยมคำนับผู้บัญชาการทหารเรือ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้มีการปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับเรื่องการร่วมกันแก้ไขปัญหาในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีการประสานการช่วยเหลื่อซึ่งกันและกันเมื่อเกิดอุบัติภัย หรือเรือเกิดอุบัติเหตุ หรือประสบภัยในเขตน่านน้ำของอีกประเทศหนึ่งส่งผลทำให้การช่วยเหลือการแก้ไขปัญหาได้อย่างฉับพลัน ตลอดจนให้มีการติดต่อสื่อสารกับภาคทหารเรือที่ 5 เวียดนาม ทุกวันศุกร์สิ้นเดือนทั้งทางโทรศัพท์ และโทรสารเพื่อรับฟังข่าวสาร และร่วมกันแก้ไขปัญหาซึ่งกันและกัน
พล.ร.ต.วรศักดิ์ กล่าวว่า ไทยกับเวียดนามได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นตามลำดับ ได้มีความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และวิชาการแก่เวียดนาม ตั้งแต่ปี 2535 เช่น ด้านการเกษตร การศึกษา สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการ และสามารถตกลงแบ่งเขตทางทะเลในอ่าวไทยอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อเดือนสิงหาคม 2550 จึงได้มีการลาดตระเวนทางทะเลร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกัน ลดปัญหาความขัดแย้ง อีกทั้งมีความร่วมมือโครงการสำรวจและจัดการทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลร่วมกัน และโครงร่วมมือทำธุรกิจด้านประมง การคุ้มครองเรือประมง การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล การปราบปรามโจรสลัด ยาเสพติด และการจับกุมผู้กระทำความผิดทางทะเล
สัญลักษณ์หรือคำยืนยันความสัมพันธ์จะสังเกตได้จากการอนุมัติให้หน่วยเรือกองทัพเรือไทยเข้าเยือนเมืองท่า และประเทศไทยก็อนุมัติให้กองทัพเรือเวียดนามนำเรือเข้าเยี่ยมเช่นเดียวกัน เพราะในอดีตปัญหาเรื่องการทำประมงล่วงล้ำน่านน้ำกัน บางครั้งส่งผลทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ระหว่างกำลังทางเรือทั้งสองประเทศ จึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับสูง ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาประมงและการจัดระเบียบทางทะเล คณะกรรมการทั้ง 2 ชุด มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศเป็นประธาน
ที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกันไปแล้วถึง 3 ครั้ง ประชุมครั้งแรกที่ จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย เมื่อเดือนมีนาคม 2538 ครั้งที่ 2 ที่กรุงเทพฯ เดือนเมษายน 2539 และครั้งที่ 3 ที่กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2540 จนในที่สุดให้มีกองทัพเรือทั้ง 2 ประเทศลาดตระเวนร่วมกันในเขตเหลื่อมทับ จัดให้มีสำนักงานประสานการลาดตระเวนร่วมกันในแต่ละประเทศ จัดให้มีการติดต่อสื่อสาร 3 ระดับ คือ ระดับกองทัพ ระดับกองบัญชาการในพื้นที่ และระดับผู้ปฏิบัติอีกด้วย