พิจิตร – กลุ่มทุนโรงสีพิจิตรประกาศหยุดรับจำนำข้าวก่อนกำหนดถึง 2 เดือน อ้าง อ.ต.ก.-อคส.สั่งหยุด ทำให้ชาวนาที่กำลังรอวันเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปรังส่งเข้าร่วมโครงการถึงกับเข่าอ่อน หลังถูกพ่อค้าเล่นกลรับซื้อด้วยเงินสดราคาเพียง 7-8 พันบาท/ตันเท่านั้น ด้านแกนนำกลุ่มสหกรณ์ชี้แนวทาง “ประกันราคาผลผลิต” เป็นทางออกสินค้าเกษตรไทยได้แน่ เชื่อมั่นเกษตรกรได้ประโยชน์ พร้อมทลายเครือข่ายพ่อค้าหน้าเลือดได้
นางมิ่งขวัญ พุกเปี่ยม หรือ “เจ๊หนิง” ประธานชมรมโรงสีข้าว จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาชิกชมรมโรงสีข้าวพิจิตรกว่า 20 โรงสี ที่เคยเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว ประกาศหยุดรับจำนำข้าวแล้ว โดยจังหวัดพิจิตรมีข้าวเปลือกเข้าโครงการรับจำนำประมาณ 6 หมื่นตันเศษ ซึ่งการหยุดรับจำนำแบบกะทันหันทำให้ชาวนาที่ทำนาปรังกัน 2 ปี 7 ครั้ง ปรับตัวไม่ทัน และยังมีปริมาณข้าวเหลือรอเก็บเกี่ยวในช่วงนี้อีกไม่ใช่น้อย
ช่วงนี้โรงสีประกาศรับซื้อด้วยเงินสดเพียงตันละ 7,800-8,200 บาท ซึ่งมีชาวนาบางคนที่เก็บเกี่ยวข้าวแล้วจะนำมาจำนำในราคาตันละ 1,2000 บาท แต่พอรู้ว่ารัฐบาลไม่รับจำนำก็ทำให้ขาดทุน เพราะคำนวณต้นทุนไว้ตามราคาที่จำนำ ถึงกับร้องไห้ เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลระงับโครงการก่อนกำหนด 2 เดือน ทำให้ชาวนาที่ก่อนหน้านี้ตั้งความหวังกับการจำนำข้าว กลับต้องมาขาดทุน เพราะการไม่ประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าเช่นนี้
นายสมเกียรติ โสภณพงศ์พิพัฒน์ ประธานชมรมสหกรณ์จังหวัดพิจิตรเปิดเผยว่า จากกรณีความไม่แน่นอนของการระบายข้าวของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลกระทบให้กับชาวนาจังหวัดพิจิตรโดยตรงอย่างใหญ่หลวง ต้นเหตุเกิดจาก อคส.และ อ.ต.ก.ได้สั่งให้หยุดรับจำนำข้าวนาปรังของเกษตรกรไปเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 52 ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่โครงการจะต้องไปสิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2552 ทำให้ผลผลิตข้าวนาปรังของชาวนาพิจิตร ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวได้
ในพิจิตร มีผืนนาหลายหมื่นไร่ ที่ใกล้จะเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงกลางเดือนมิถุนายน จนถึง กรกฏาคม 2552 ที่จะถึงนี้ และจากการที่รัฐบาลไม่มีการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดลดลง ซึ่งชาวนาสามารถจำนำข้าวและจะได้ราคาจริงหลังหักทั้งสิ่งเจือปน-ความชื้น ที่ตันละ 9,300-10,000 บาท แต่เมื่อต้องขายสดจะได้ราคา ตันละ 7,000 บาทเท่านั้น เรียกว่าขาดทุนย่อยยับ
นายสมเกียรติยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากการที่รัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาของโครงการรับจำนำข้าวนั้น หากรัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาโดยเห็นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักแล้ว การประกันราคาข้าวจะส่งผลดีกับรัฐบาลและชาวนา ในระยะยาวมากกว่า เพราะประโยชน์จะเกิดขึ้นกับชาวนาทั้งสองกรณี คือ ราคาข้าวตกต่ำ หรือราคาข้าวที่แพงกว่าราคาประกัน และในส่วนที่รัฐบาลจะได้ผลดี กรณีที่ไม่ต้องขาดทุนทุกครั้งที่มีการประมูลข้าวเพื่อระบายข้าวสู่ตลาด ซึ่งที่ผ่านมาจะขาดทุนถึงปีละ 13,000-20,000 ล้านบาท
ส่วนกรณีของโรงสีอาจจะไม่ชอบใจนักที่หยุดโครงการรับจำนำ เพราะจะเสียประโยชน์ที่เคยได้รับ เป็นผู้รับจ้างดำเนินโครงการรับจำนำได้ค่าตอบแทนทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นค่าแปรรูป ค่าชั่งนำหนัก ค่าสีข้าว ค่าเก็บรักษา ค่าส่วนต่างเปอร์เซ็นต์ความชื้น เรียกว่าได้ทุกประตูทั้งประโยชน์โดยตรงและทางอ้อมจากการเข้าร่วมโครงการ
ส่วนปัญหาเฉพาะหน้าที่ประกาศหยุดรับจำนำก่อนกำหนด หากไม่มีการแก้ไขเชื่อว่าอีกไม่เกิน 7-10 วัน ชาวนารวมตัวกันติดเมื่อไหร่คงมีการโต้ตอบด้วยการปิดถนนประท้วงเช่นเคย