เหมืองทองอัคราฯระดมคนงานเข้าพบผู้ว่าฯอ้างถูกม็อบมาเฟียบีบปิด-แลกขายที่ดิน

พิจิตร – “เหมืองทองอัคราไมนิ่ง” ปิดเหมืองทองคำระดมคนงานชุมนุมหน้าศาลากลาง วอนผู้ว่าฯช่วย อ้างถูกชาวบ้านจัดม็อบประท้วงบีบให้ปิด อ้างเหตุก่อมลภาวะ แต่แท้จริงต้องการขายที่ แถมถล่มชาวบ้านโก่งราคาจาก 2 หมื่น เป็นล้านบาท แถมปลูกบ้านเกะกะขอค่ารื้อถอนถึง 8 แสน อุตสาหกรรมบ้าจี้ออกหนังสือสั่งปิดเหมืองทอง ผู้ว่าฯ ย้ำให้ทำต่อแต่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

วันนี้ (20 พ.ค.) นายธนชาติ ผาทอง แกนนำพนักงานบริษัทอัคราไมนิ่ง พร้อมด้วย นางอาภรณ์ มาลยาภรณ์ หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคล ได้นำพนักงาน 517 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือและขอรับฟังนโยบายการส่งเสริมการจ้างงานและส่งเสริมธุรกิจภาคอุตสาหกรรมจากนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร

โดยกลุ่มคนงานเหมืองทอง บริษัท อัคราไมนิ่ง ระบุว่า เนื่องจากในช่วง 7 วันที่ผ่านมาได้มีกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเดือดร้อนจากมลภาวะมาประท้วงไล่ให้หยุดการทำเหมือง แต่มีข้อต่อรองว่าถ้าอยากอยู่ต่อก็ต้องซื้อที่ดินรอบๆ เหมือง จากราคาไร่ละ 2 หมื่นบาท แต่จะขายไร่ละ 1 ล้านบาท

ทั้งที่ที่ดินบางแปลงอยู่นอกเขตสัมปทานและเป็นที่ดิน ส.ป.ก.ก็บังคับให้เหมืองซื้อ นอกจากนี้ยังมีการสร้างบ้านแบบชั่วคราวไม่มีคนอยู่ ไม่ต่อน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ทิ้งรกร้างแต่จะขอค่ารื้อถอนหลังละ 8 แสนบาท ซึ่งเป็นพฤติกรรมของนายทุนมาเฟียที่เข้าลักษณะข่มขู่เหมือนปล้นนักลงทุนชาวต่างชาติที่ได้สัมปทานถูกต้องตามกฎหมาย แต่คนเหล่านี้ทำผิดกฎหมายมาประท้วงปิดทางเข้าออกของเหมือง และเที่ยวไปร้องเท็จกับส่วนราชการจนในที่สุดทางราชการไม่เข้าใจก็มีข่าวอ้างว่า จะปิดเหมืองอย่างไร้ความยุติธรรม

โดยก่อนหน้านี้ ทางจังหวัดโดยอุตสาหกรรมจังหวัดก็ได้ออกหนังสือให้เหมืองแร่ทองคำอัครา ไมนิ่ง หยุดทำงานในช่วงภาคกลางคืน ทำให้ต้องสั่งพักงานคนงานเกือบ 300 คน ส่งผลให้พนักงานได้รับความเดือดร้อน

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่าจะสั่งปิดทั้งระบบจึงทำให้พนักงานเกิดความกังวลว่าจะตกงาน เกรงว่าส่วนราชการจะรับฟังข้อมูลจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลเพียงฝ่ายเดียว จึงได้เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดพิจิตรเพื่อชี้แจงให้ผู้ว่าฯ ทราบว่า แท้ที่จริงแล้วผู้ที่ประท้วงมีแกนนำอยู่เพียง 5-6 คนเท่านั้น ที่อ้างว่าเดือดร้อนก็เพราะต้องการจะขายที่ดิน

ภายหลังจากตัวแทนพนักงานบริษัทเหมืองแร่ทองคำอัคราไมนิ่ง ได้เข้าพบเพื่อรับฟังคำชี้แจงจาก นายสมชัย ทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร แล้ว ผู้ว่าฯได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่เคยออกคำสั่งปิดเหมืองแร่ทองคำอัคราไมนิ่ง เพียงแต่เคยส่งหนังสือให้ทบทวนข้อตกลง 3 ฝ่าย ของฝ่ายราชการ ฝ่ายชาวบ้านที่อยู่รอบๆ เหมืองแร่ทองคำ และฝ่ายพนักงาน ว่าถ้าทำให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ต้องหยุดกิจการเพื่อระงับปรับปรุงแต่ในเมื่อมีหนังสือตอบมาว่าปรับปรุงแก้ไขได้มาตรฐานอุตสาหกรรมแล้วก็สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ตามปกติ ซึ่งทางราชการก็จะส่งคนเข้าไปตรวจสอบการแก้ไขว่าดีจริงอย่างที่ชี้แจงมาหรือไม่

ดังนั้น จึงสรุปว่าเหมืองแร่ทองคำอัคราไมนิ่ง สามารถเดินเครื่องจักรที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงว่าไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนได้ต่อไป ซึ่งภายหลังผู้ว่าฯ ชี้แจงพนักงานต่างพึงพอใจและแยกย้ายกันกลับไป