อุดรธานี - จังหวัดอุดรฯ รุกโครงการผลิตข้าวเหนียวหอม หวังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตของเกษตรกรผู้ปลูก เผยได้รับงบดำเนินการกว่า30 ล้านบาท เพื่อสร้างความมั่นคงด้านดอาหารและการแปรรูป
เมื่อเร็วๆ นี้ที่ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ชั้น 4 โรงแรมเจริญศรี แกรนด์รอยัล นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดโครงการผลิตข้าวเหนียวหอมเพื่อความมั่นคงด้านอาหารและการแปรรูป ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552
นายปวิต ถมยาวิทย์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่าเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ผลิตข้าวเหนียวหอม เพื่อความมั่นคงด้านอาหารและการแปรรูปให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงรายละเอียดในการดำเนินงานแต่ละกิจกรรมของโครงการ โดยได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้แก่ผู้มาร่วมงานในรูปแบบต่างๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนโครงการนี้ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อครัวเรือนเกษตรกรและเป็นผลดีต่อภาพรวมของจังหวัดอุดรธานี
โครงการผลิตข้าวเหนียวหอมเพื่อความมั่นคงด้านอาหารและการปรรูป ได้รับงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ.2552 เป็นเงิน 33,845,000 บาท จากงบประมาณตามประเด็นยุทธศาสตร์เกษตรที่ได้รับจัดสรรทั้งหมด จำนวน 88,056,523 บาท ซึ่งมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดหลายหน่วยงานร่วมกันทำงานแบบบูรณาการ
ภายในงานได้มีกิจกรรมที่สำคัญของโครงการ เช่น กิจกรรมการพัฒนาแหล่งน้ำ กิจกรรมปรับปรุงบำรุงดิน กิจกรรมเพิ่มศักยภาพโรงปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ กิจกรรมวิจัยและควบควมพันธุ์ข้าวเหนียวหอมพื้นเมือง กิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยี่สู่เกษตรกรและใก้การอบบรม กิจกรรมสนับสนุนเมล็ดพันธ์ข้าว กข 6 กิจกรรมเชื่อมโยงการผลิดตการแปรรูปและการตลาด
สำหรับเป้าหมายของโครงการเพื่อต้องการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ข้าวเหนียวหอมให้สูงขึ้นเพื่อให้จังหวัดอุดรธานีเป็นศูนย์กลางในการผลิตข้าวเหนียวหอมของกลุ่มจังหวัดและภูมิภาค โดยจะต้องมีการพัฒนาขบวนการผลิตตั้งแต่ไร่นาจนถึงโต๊ะอาหาร เพื่อให้ผลผลิตได้มาตรฐานและปลอดภัย เน้นพัฒนาด้านการแปรรูป การบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างแพร่หลาย ตลอดจนการหาแหล่งรับซื้อสินค้าที่แน่นอน
การจัดงานนี้มีผู้เข้าร่วมงานทั้งหมด จำนวน 700 ราย ประกอบด้วย เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเหนียว 500 ราย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในระดับจังหวัดและรับอำเภอ จำนวน 138 ราย จากหน่วยงานในระดับจังหวัดที่เกี่ยวข้องจำนวน 8 ราย จากส่วนท้องถิ่นในระดับจังหวัดและรับอำเภอ จำนวน 43 ราย จากภาคเอกชนจำนวน 11 ราย