xs
xsm
sm
md
lg

"เพื่อนช่วยเพื่อน"น้ำใจดูแลกันยามไม้ใกล้ฝั่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.ปรียากมล ข่าน ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายประกันคุณภาพ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย
คำกล่าวที่ว่า พ่อแม่สามารถเลี้ยงลูก 20 คนได้ แต่ลูกหลายคนไม่สามารถเลี้ยงดูพ่อหรือแม่ได้นั้น คือความจริงที่เกิดขึ้นอยู่ในทุกสังคม โดยเฉพาะสังคมที่ตกอยู่ภายใต้สภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ในภาวะแห่งการเอาตัวรอด ทุกคนจึงปฏิเสธที่จะเลี้ยงดูหรือเอาใจใส่ คนเฒ่า คนแก่ ผู้นับวันแรงกายจะถดถอยและเชื่องช้าลงไปทุกที

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุร้อยละ 11 ของประชากรกว่า 63 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งในไม่ช้านี้ไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมแห่งผู้สูงอายุหากตัวเลขแตะร้อยละ 13

หลายคนกล่าวว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เมื่อย่างเข้าสู่ความแก่ ความเจ็บ แต่ยังไม่ยอมตายเสียที จะทำอย่างไรให้ ผู้สูงวัย เหล่านี้ อยู่ได้อย่าง..สุขกาย สุขใจ

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงจับมือกันทำ โครงการสร้างเสริมสุขภาพกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุทั่วประเทศได้ร่วมมือดูแลกันเองในลักษณะ..เพื่อนช่วยเพื่อน

ดร.ปรียากมล ข่าน ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายประกันคุณภาพ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย ในฐานะหัวหน้าทีมประเมินโครงการแบบเสริมพลัง สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ บอกว่า โครงการนี้เริ่มขึ้นเมื่อ 2-3 ปี ที่ผ่านมาที่สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ ต้องการพัฒนากลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)ขึ้นมาเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่ด้อยโอกาส

"โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องอยู่คนเดียว เจ็บป่วย มีโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิต หรือผู้สูงอายุที่พิการ เพราะสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอีกไม่กี่ปีนี้ ก็น่าห่วงเพราะปัญหาเยอะมาก กลุ่ม อสม.ยังขยายไปไม่เพียงพอตามความต้องการ เพราะพื้นที่ห่างไกลมาก เราอยากให้สถานการณ์การดูแลผู้สูงอายุของไทยดีขึ้นจึงจำเป็นต้องพัฒนาและขยายโครงการให้มากขึ้น โดยเน้นให้ชุมชนดูแลชุมชน"

สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ ได้มอบทุนให้กับชมรมผู้สูงอายุ 376 แห่ง ทั่วประเทศที่เขียนโครงการสร้างเสริมสุขภาพในรูปแบบต่างๆ สมัครเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพกายและสุขภาพใจ

ดร.ปรียากมล เล่าว่า สสส.สนับสนุนการดำเนินงานมาแล้ว 2 ปี และกำลังใกล้จะหมดโครงการ ซึ่งงบประมาณที่ชมรมผู้สูงอายุแต่ละแห่งได้รับไปจะต้องมีองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือเทศบาล ลงนามรับรองเพื่อยืนยันความร่วมมือของชุมชนในท้องถิ่น มีการนำไปอบรม อสม.แต่ละโครงการหนึ่งจะมีผู้สูงอายุอย่างน้อย 22 คน มี อสม.8 คน

"อสม.ต้องผ่านหลักสูตรการดูแลสุขภาพเบื้องต้นเช่น การดูแลช่องปาก การเจ็บป่วย จิตอาสา หลักธรรมคำสอน คุณธรรม จริยธรรมอย่างไรในการดูแลผู้สูงอายุ อาจมีการนิมนต์พระสงฆ์ที่ชุมชนเคารพและศรัทธามาเทศนาสั่งสอน"

และเพื่อเป็นการสานต่อโครงการให้เดินหน้าต่อไปได้ สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ จึงจัดถอดบทเรียนโครงการพัฒนา อสม.ดูแลผู้สูงอายุ "เพื่อนช่วยเพื่อน" ให้กับชมรมผู้สูงอายุในเขตภาคเหนือ ที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2552 เพื่อรับฟังมุมมองและประสบการณ์จากการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยมีการเชิญ อบต.เทศบาล ที่ร่วมโครงการมาหารือเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันถึงความสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุ ที่แม้พลังกายจะถดถอยแต่พลังใจและพลังความคิดยังพร้อมจะถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ และภูมิปัญญาแก่ชนรุ่นหลัง

นายสุดใจ กระจ่าง ประธานชมรมผู้สูงอายุ ต.หนองบัว อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย ย้ำว่า การทำงานยึดหลัก คน เงิน สิ่งของ และสภาพแวดล้อม โดยมองว่า "เพื่อนช่วยเพื่อน" เป็นการสร้างกุศล ทำแล้วได้บุญ เพราะได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในวัยเดียวกันให้มีความรู้สึกว่ามีเพื่อนอยู่ด้วยกัน พยายามสอนลูกหลานให้มีจิตใจที่พร้อมจะดูแลผู้สูงอายุ เพราะเขาเหล่านี้คือ บุคคลที่มีศักยภาพ

ในขณะที่นายกฤตวิทย์ สวัสดิ์มงคล นายก อบต.หนองบัว อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย กล่าวว่า พร้อมจะสานต่อโครงการต่อไป เพราะมั่นใจว่าจะหางบประมาณมาสนับสนุนได้จากหลายแหล่งทุน โดยเตรียมสร้างห้องคาราโอเกะ ห้องสมุด การนวด ให้กับผู้สูงอายุในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งเตรียมจัดเก็บข้อมูลของผู้สูงอายุไว้ในระบบสารสนเทศเพื่อช่วยให้ง่ายต่อการตรวจค้น

อย่างไรก็ตามจากการประเมินโครงการพบว่า ความสำเร็จคือความเข้มแข็งของชุมชน ผู้สูงอายุตื่นตัวและหันมาใส่ใจสุขภาพตนเองมากขึ้น ดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจ อารมณ์ ความต้องการ ลดภาระความเสี่ยงการตายก่อนวัยอันควร ภูมิปัญญาท้องถิ่นอาทิ จ๊อยซอ ฟ้อนพื้นเมือง ดนตรีพื้นเมือง ถูกรื้อฟื้นมาถ่ายทอดแก่ลูกหลาน

ส่วนอุปสรรคที่ต้องเอาชนะคือ งบประมาณ ความห่างไกลของพื้นที่ อสม.เข้าไปไม่ถึง ขับรถไม่ได้ ต้องเดินไกล ขาดการบริหารจัดการที่ดี ขาดความต่อเนื่องเป็นต้น

ดร.ปรียากมล กล่าวเพิ่มเติมว่า 2 ปี ที่ผ่านมาพอใจผลงานโครงการดูแลผู้สูงอายุมาก แต่ยังมีความกังวลหลายอย่างเช่น อยากให้ อบต.เทศบาล รับโครงการไปดูแลเพราะเป็นโครงการของชุมชน อยากเห็นชมรมมีจิตอาสาในการดูแลผู้สูงอายุโดยมีภาคีท้องถิ่นเข้าใจและให้ความช่วยเหลือกันเองจะดีกว่า แต่ปัจจุบันปัญหาการเมืองท้องถิ่นยังมีอุปสรรค เพราะเมื่อเปลี่ยนแปลงผู้บริหารการสานต่อมักจะหยุดชะงัก

"อยากเห็นรูปธรรมที่ชัดเจนคือ การบรรจุโครงการพัฒนา อสม.ดูแลผู้สูงอายุไว้ในแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นเป้าหมายที่น่าจะเป็นไปได้สูง เพราะครั้งนี้มีผู้บริหาร อบต.เทศบาล มาร่วมถอดบทเรียนด้วยตนเอง ซึ่งเชื่อว่าจะเห็นแนวทางในการเดินหน้าโครงการให้ประสบความสำเร็จและยั่งยืนอยู่คู่ชุมชนต่อไป"

นับจากนี้ สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยฯ ยังคงมีหน้าที่ติดตามการดำเนินงานโครงการ อสม.ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อนช่วยเพื่อน ต่อไป ทั้งที่ได้รับและไม่ได้รับการสนับสนุนจากท้องถิ่นหรือไม่ก็ตาม

ล่าสุดมีข่าวดีว่า เดือนมิถุนายน 2552 สสส.เตรียมอนุมัติการสนับสนุนโครงการแก่สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยอีก 150 ชมรมผู้สูงอายุทั่วประเทศ เพื่อเป็นความหวัง..แก่ผู้สูงวัยในประเทศไทย



กำลังโหลดความคิดเห็น