กรมควบคุมโรครับถังแตก แต่ยันหนุนเอ็นจีโอเอดส์เท่าที่ทำได้

เอ็นจีโอเอดส์สุดทน ประกาศจัดประชุมเอดส์ชาติครั้งหน้า ปัญหาเยอะ รัฐไม่สนับสนุน ปล่อยจัดงานแบบทุลักทุเล ทางใครทางมันเลิกร่วมงาน ด้านกรมควบคุมโรครับถังแตก ออกเงินค่าเดินทาง ที่พัก ให้ผู้ร่วมประชุมเอดส์ชาติทุกคนไม่ไหว แต่ดูแลค่าใช้จ่ายเครือข่ายเอดส์กว่า 200 คน อยู่แล้ว พร้อมเร่งหาทางช่วยเหลือ

น.ส.สุภัทรา นาคะผิว ประธานคณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ.) ในฐานะอนุกรรมการภาคประชาสังคมและสังคมการจัดการประชุมสัมมนาระดับชาติ เรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 12 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 พฤษภาคม ที่อิมแพค เมืองทองธานี ว่า ในการหารือร่วมกันของ 18 เครือข่ายประชาสังคมด้านเอดส์ มีมติร่วมกันว่า หากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขในฐานะผู้จัดงานไม่มีความพร้อมในการสนับสนุนงบประมาณในการร่วมกิจกรรม ในการจัดประชุมครั้งหน้า เครือข่ายมีจุดยืนที่จะไม่เข้าร่วมกิจกรรมการประชุมอีกต่อไป เนื่องจากที่การประชุมซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี มีปัญหาการจัดงานซึ่งเป็นไปอย่างทุลักทุเล งบประมาณไม่เคยเพียงพอ อีกทั้งการร่วมคิดร่วมทำงานเครือข่ายเอดส์ฯ กลับไม่มีศักดิ์ศรีของการเป็นภาคีหุ้นส่วนที่มีความเท่าเทียมกันโดยเครือข่ายจะยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลให้มีการแก้ปัญหาเอดส์ของประเทศตามแผนคณะกรรมการป้องกันและควบคุมโรคเอดส์แห่งชาติโดยให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโรคเอดส์ มากว่านี้

“การจัดประชุมสัมมนาระดับชาติ ไม่ควรถือเป็นการจัดเพราะเป็นประเพณี หรือจัดแบบตามมีตามเกิด การที่มีสัมมนาถือเป็นโอกาสสำคัญทบทวนถอดบทเรียนอย่างมีคุณภาพ เป็นเรื่องการรณรงค์สร้างความตระหนักทำให้ประชาชนตื่นตัว การขับเคลื่อนการทำงานระหว่างประเทศ การเข้าถึงบริการการรักษา และอุดช่องว่างการดำเนินงานที่ผ่านมา ซึ่งการมีส่วนร่วมต้องมีส่วนร่วมที่เป็นรูปธรรมไม่ใช่แค่หลักการเท่านั้น และหากอยากให้ภาคประชาสังคมร่วมงานต่อไป จะต้องมีการเตรียมความพร้อมมากนี้ มีการตั้งคณะทำงานตั้งแต่ตอนนี้เพื่อเตรียมงานไม่ใช่เสียเวลามาร่วมลงแรงแต่เหนื่อยเปล่าพออีก 2 เดือนจะจัดงานก็เรียกมา”น.ส.สุภัทรา กล่าว

น.ส.สุภัทรา กล่าวอีกว่า การที่ผู้จัดงานตั้งหัวข้อว่า “ชุมชน คือ พลังร่วมกันป้องกันดูแลรักษาเอดส์” เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ซึ่งเอ็นจีโอ 18 เครือข่าย ได้เสนอชื่อ เครือข่ายละ 45 คน ซึ่งสธ.ได้จัดสรรงบประมาณครั้งแรก 5 ล้านบาท ถือว่าน้อยมาก จึงมีการของบเพิ่มอีก 5 ล้านบาท กองทุนโลกสนับสนุนอีก 2 ล้านบาทรวมเป็น 12 ล้านบาท น่าจะสามารถจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ให้กับครือข่ายที่ทำงานได้ แต่กลับไม่ทำและตอบกลับมาเพียงไม่มีเงินสนับสนุนให้เท่านั้น

“ที่ผ่านมา ประชุมมีการจัดประชุมเพื่อเตรียมการ วงแผนจัดงาน 5 ครั้ง ซึ่งทุกคนเข้าใจว่ามีข้อจำกัดด้านงบประมาณ เครือข่ายฯ จึงดำเนินการของบจากยูเอ็นเอดส์ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รวมได้ 1 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนงานกิจกรรมลานชุมชนรวมทั้งรณรงค์ไปด้วย เพราะทุกคนอยากมาร่วมงาน แต่บางคนไม่มีเงิน อย่างกลุ่มเซ็กซ์เวิร์กเกอร์ ก็ประชดว่าคงจะต้องขายบริการเพื่อหาเงินมาร่วมงาน” น.ส.สุภัทรา กล่าว

นางจันทวิภา อภิสุข ผู้อำนวยการเครือข่ายพนักงานบริการด้านเอดส์ (เอ็มพาวเวอร์) กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมฯได้ให้ออกค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่เดินทางมาร่วมสัมมนาทุกคน ไม่ใช่แค่คณะทำงานเท่านั้น โดยในวันที่ 27 พ.ค.ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานจะยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะตัวแทนภาครัฐอย่างสธ.จัดสรรงบประมาณทุกๆ 2 ปี สำหรับการจัดการสัมมนาระดับชาติเรื่องโรคเอดส์ด้วย โดยต้องสนับสนุนให้ภาคประชาชนประชุมคู่ขนาน ไม่ใช่ปล่อยทิ้งๆขว้างๆตามมีตามเกิด

นอกจากนี้ ในส่วนของการเสริมสร้างฟื้นฟูประเทศต่างๆจะต้องไม่ซ้ำเติมปัญหาด้านเอดส์ เช่นการปราบปรามการค้ามนุษย์ต้องไม่ใช่จับแต่พนักงานขายบริการทางเพศอย่างเดียว หรือการส่งเสริมการศึกษาให้เรียนฟรี ต้องรวมถึงลูกหลานผู้ติดเชื้อจะต้องได้รับสิทธิ์ด้วย ไม่ใช่มีการกีดกัน

“ดังนั้น กรมจะมาอ้างว่าอยู่ในภาวะถังแตกและไม่ให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนไม่ได้ รัฐบาลยังเตรียมจะกู้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจถึง 4 แสนล้านบาท ไปทำโครงการถนนไร้ฝุ่นบ้าง แต่กับงานนี้ใช้เงินไม่กี่ล้านบาทเท่านั้น อีกทั้งมีประโยชน์กว่า กลับไม่ให้ความสำคัญ” นางจันทวิภา กล่าว

นางจันทวิภา กล่าวว่า อย่างการประชุมครั้งที่ผ่านมา 4-6 ก.ค.2551 กรมได้ให้งบประมาณผ่านมายังกพอ. ซึ่งเอ็มพาวเวอร์เป็นหนึ่งใน 18 เครือข่ายของกพอ. และได้มาจัดสรรค่าเดินทางต่างๆโดยการเบิกตามจริงและเลือกการเดินทางที่ราคาถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนโรงแรมที่พักทางกรมได้จองไว้ให้ อีกทั้งอาหารกลางวันก็ได้รับแจกคูปอง และนำไปแลกเป็นเงิน แล้วซื้อาหารจากภายนอกที่ราคาถูกมาแบ่งกันทาน

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมไม่เคยออกค่าใช้จ่ายให้กับผู้เข้าร่วมงานสัมมนาระดับชาติ เรื่องโรคเอดส์ทุกราย แต่จะออกให้กับผู้ที่เป็นคณะทำงานที่มีส่วนร่วมในการจัดงานดังกล่าวประมาณ 200 คนเท่านั้น โดยกรมได้ออกค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าสถานที่ประชุม ค่าอาหาร ค่าอาหารว่าง ค่าวิทยากร ค่าเอกสาร ฯลฯ ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าผู้มาร่วมงาน 2,500คน แต่กลับมีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 3,100 คน ซึ่งจำนวนผู้ที่มาร่วมงานมากขึ้น ทำให้ทางกรมฯมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเช่นกัน

นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมาทราบมาว่า ทางตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ได้ของบประมาณสนับสนุนจากองค์กรภายนอก อาทิ โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอดส์) แต่ปีนี้อาจไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อใช้ในการเดินทางมาร่วมการสัมมนานี้ ซึ่งเตรียมการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหางบประมาณช่วยเหลือต่อไป

“ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคก็ไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายให้ผู้มาร่วมการชุมนุมทุกคน ถ้าจะต้องออกให้กับกลุ่มเครือข่ายพนักงานบริการด้านเอดส์(เอ็มพาวเวอร์)ก็ต้องออกให้กับตัวแทนจากภาครัฐ และเอ็นจีโอกลุ่มอื่นด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าถ้าจ่ายให้ผู้ร่วมงาน 2,500 คน จะเป็นเงินเท่าใด เพราะต้องยอมรับว่า ขณะนี้เราประสบภาวะถังแตก”นพ.สมศักดิ์ กล่าว

นพ.สมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนประเด็นเรื่องที่สธ.เพิ่งแจ้งให้เอ็มพาวเวอร์ว่า ไม่สามารถออกค่าใช้จ่ายให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ทั้งหมดเมื่อวันที่ 16 พ.ค.นั้น คงเป็นเรื่องความคลาดเคลื่อนในช่องทางการสื่อสาร แต่อย่างไรก็ตาม ทางกรมจะพยายามช่วยหาทางในการสนับสนุนให้ตัวแทนเอ็นจีโอกลุ่มต่างๆ ได้เข้าร่วมสัมมนาเพื่อการมีส่วนร่วมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้