พิจิตร - กระทรวงพาณิชย์ทำทองไม่รู้ร้อนคดีโคตรโกงโครงการรับจำนำข้าวที่หนีหมายศาลลอยนวล อีกทั้งคดีเก่าคาราคาซัง อคส. ก็ไม่เข้ามาแจ้งความ คาดทำรัฐสูญแน่เกือบพันล้าน เพราะหมดอายุความ
พ.ต.อ.จรวย ผลประเสริฐ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรพิจิตร ซึ่งเป็นตำรวจชุดปราบปรามขนวนการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวประจำภาค ตร.ภ.6 เปิดเผยถึง การเฝ้าระวังการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของจังหวัดพิจิตร ปี51/52 ว่า อดีตจังหวัดพิจิตรเคยครองแชมป์ว่าเป็นพื้นที่สุดยอดกรรมวิธีและกระบวนการโกงโครงการรับจำนำข้าว แต่ในปีนี้มีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด อีกทั้งโรงสีโจรหลายแห่งถูกดำเนินคดีจนเกือบสูญพันธุ์แล้วจึงทำให้ในปีนี้ไม่พบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเกิดขึ้น
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ คดีค้างเก่าที่มีผู้ต้องหารายใหญ่ 2 ราย ที่ทั้งสองคนนี้โกงทั้งรัฐบาลและโกงชาวนา มูลหนี้รวมกันหลายร้อยล้านบาท ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาลและได้รับประกันตัว ปรากฏว่า หลบหนีคดี ตำรวจพิจิตรกำลังตามไล่ล่าเพื่อจะเอาตัวมาขึ้นศาลอยู่
อย่างไรก็ตาม อยากจะขอร้องให้เจ้าทุกข์คือ อคส. และกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้เสียหายออกมาช่วยอีกแรงในการสนับสนุนงบประมาณหรือตั้งรางวัลนำจับให้กับผู้ที่พบเห็นเบาะแส เพื่อไม่ให้คนชั่วเหล่านี้ลอยนวลไปเป็นเยี่ยงอย่างว่าทำผิดแล้วหนี้เงื้อมมือกฎหมายพ้น
นอกจากนี้ ยังมีโรงสีในเขตอำเภอเมือง 1 แห่ง ที่ต้องคดีอยู่ในท้องที่ สภ.ย่านยาว ยักยอกข้าวเปลือกคดีแรก มูลหนี้กว่า 10 ล้านบาท แต่เจ้าทุกข์คือ ก.พาณิชย์ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ให้ความร่วมมือในการคัดแยกระหว่างแกลบกับข้าวเปลือก จึงทำให้รูปคดีไม่ชัดเจน ในที่สุดอัยการก็สั่งไม่ฟ้อง ทำให้พวกที่โกงชาวนาโกงรัฐบาล โกงธนาคาร ไม่ได้รับโทษ มองว่า ตำรวจไม่เข้มแข็ง แต่แท้ที่จริงเจ้าทุกข์คือ ก.พาณิชย์ ปล่อยปะละเลย นอกจากนี้ที่โรงสีแห่งนี้ก็ยังมีคดียักยอกข้าวเปลือกเป็นหมื่นตัน มูลค่าความเสียหายของรัฐบาลหลายร้อยล้านบาท
โดยการยักยอกข้าวไปแปรรูปแล้วเอาทุนมาหมุนเวียน เอาแกลบไปปลอมปนอยู่ในสต๊อกเจ้าหน้าที่ของจังหวัดของ อคส. , ธกส. , ตำรวจไปพิสูจน์ด้วยตาเปล่าเห็นชัด ๆ ว่าในโกดังมีแต่แกลบเวลาผ่านมาเป็นปีแล้วตำรวจรอ ก.พาณิชย์ ให้มาแจ้งความก็นิ่งเฉย จนคดีใกล้หมดอายุความอยู่แล้ว