หนองคาย-ศุลกากรหนองคายคุมเข้มบุคคลที่กลับจากประเทศลาว เข้าประเทศไทย ตรวจสอบการซื้อเหล้าบุหรี่กลับเข้ามา ย้ำนำเข้ามาได้เฉพาะตามสิทธิ์ เหล้าคนละ 1 ลิตร บุหรี่ 1 คอตตอน เกินกว่านั้นต้องทิ้ง ไม่ทิ้งเจอจับปรับหนัก
นายเผดิมเดช มั่งคั่ง หัวหน้าฝ่ายควบคุมทางศุลกากร ด่านศุลกากรหนองคาย ได้นำเจ้าหน้าที่ประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมืองหนองคาย ตรวจเข้มบุคคลที่กลับจากประเทศลาวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อป้องกันการนำสินค้าประเภทเหล้า บุหรี่ เข้ามาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น กระเป๋า เสื้อผ้าเลียนแบบแบรนด์เนม ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลมีมติประกาศปรับขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ ทำให้มีความพยายามในการลักลอบซื้อเหล้าบุหรี่จากร้านค้าปลอดภาษีในประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาบริโภคหรือแม้กระทั่งนำมาขายต่อเพิ่มมากขึ้น
ผู้ที่ข้ามไปยังประเทศลาวแล้วซื้อสินค้าที่ร้านค้าปลอดภาษี และมักจะซื้อสินค้าประเภท เหล้า บุหรี่ จากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาถูกกว่าซื้อในประเทศไทยกลับเข้ามาด้วย โดยตามสิทธิแล้วจะสามารถนำเหล้าไม่ว่าประเภทใดก็ตาม เข้ามาได้คนละ 1 ลิตร บุหรี่คนละ 1 คอตตอน เท่านั้น แม้ว่าจะเป็นเหล้าราคาแพง หรือ เหล้าราคาถูก 4 ขวด 100 บาท ก็สามารถนำเข้ามาได้เพียง 1 ลิตรเท่านั้น
ส่วนใหญ่มักจะซื้อเหล้า บุหรี่เข้ามาเกินกว่าสิทธิที่มี หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบ บุคคลนั้นจะถูกจับปรับตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ซึ่งระบุโทษปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของรวมค่าอากร โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศในการท่องเที่ยว ศุลกากรหนองคายได้พิจารณาไม่ให้กระทบกับการท่องเที่ยว ด้วยการจำกัดพื้นที่ กล่าวคือ หากบุคคลซื้อเหล้า บุหรี่เข้ามาเกินกว่าที่สิทธิพึงมี เมื่อผ่านพิธีการผ่านแดนแล้ว ศุลกากรจะมีจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ และก่อนจะถึงจุดตรวจจะทำกล่องไว้เพื่อให้ประชาชนนำเหล้าหรือบุหรี่ที่มีปริมาณเกินกว่า 1 ลิตร หรือบุหรี่ 1 คอตตอนทิ้งลงกล่อง เมื่อมาถึงจุดตรวจของเจ้าหน้าที่จะเหลือเพียงสินค้าตามสิทธิเท่านั้น บุคคลนั้นจึงจะไม่ถูกจับดำเนินคดี
แต่หากว่าไม่ปฏิบัติตามยังดื้อดึงยืนยันจะถือเหล้า บุหรี่เข้ามาทั้งหมดก็จะถูกดำเนินคดีทันที ส่วนเหล้า บุหรี่ที่ทิ้งลงกล่องนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะนำไปทำลาย เนื่องจากเป็นสินค้าผิดกฎหมาย
นายเผดิมเดช มั่งคั่ง หัวหน้าฝ่ายควบคุมทางศุลกากร ด่านศุลกากรหนองคาย ได้นำเจ้าหน้าที่ประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมืองหนองคาย ตรวจเข้มบุคคลที่กลับจากประเทศลาวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อป้องกันการนำสินค้าประเภทเหล้า บุหรี่ เข้ามาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น กระเป๋า เสื้อผ้าเลียนแบบแบรนด์เนม ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลมีมติประกาศปรับขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ ทำให้มีความพยายามในการลักลอบซื้อเหล้าบุหรี่จากร้านค้าปลอดภาษีในประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาบริโภคหรือแม้กระทั่งนำมาขายต่อเพิ่มมากขึ้น
ผู้ที่ข้ามไปยังประเทศลาวแล้วซื้อสินค้าที่ร้านค้าปลอดภาษี และมักจะซื้อสินค้าประเภท เหล้า บุหรี่ จากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาถูกกว่าซื้อในประเทศไทยกลับเข้ามาด้วย โดยตามสิทธิแล้วจะสามารถนำเหล้าไม่ว่าประเภทใดก็ตาม เข้ามาได้คนละ 1 ลิตร บุหรี่คนละ 1 คอตตอน เท่านั้น แม้ว่าจะเป็นเหล้าราคาแพง หรือ เหล้าราคาถูก 4 ขวด 100 บาท ก็สามารถนำเข้ามาได้เพียง 1 ลิตรเท่านั้น
ส่วนใหญ่มักจะซื้อเหล้า บุหรี่เข้ามาเกินกว่าสิทธิที่มี หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบ บุคคลนั้นจะถูกจับปรับตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ซึ่งระบุโทษปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของรวมค่าอากร โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศในการท่องเที่ยว ศุลกากรหนองคายได้พิจารณาไม่ให้กระทบกับการท่องเที่ยว ด้วยการจำกัดพื้นที่ กล่าวคือ หากบุคคลซื้อเหล้า บุหรี่เข้ามาเกินกว่าที่สิทธิพึงมี เมื่อผ่านพิธีการผ่านแดนแล้ว ศุลกากรจะมีจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ และก่อนจะถึงจุดตรวจจะทำกล่องไว้เพื่อให้ประชาชนนำเหล้าหรือบุหรี่ที่มีปริมาณเกินกว่า 1 ลิตร หรือบุหรี่ 1 คอตตอนทิ้งลงกล่อง เมื่อมาถึงจุดตรวจของเจ้าหน้าที่จะเหลือเพียงสินค้าตามสิทธิเท่านั้น บุคคลนั้นจึงจะไม่ถูกจับดำเนินคดี
แต่หากว่าไม่ปฏิบัติตามยังดื้อดึงยืนยันจะถือเหล้า บุหรี่เข้ามาทั้งหมดก็จะถูกดำเนินคดีทันที ส่วนเหล้า บุหรี่ที่ทิ้งลงกล่องนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะนำไปทำลาย เนื่องจากเป็นสินค้าผิดกฎหมาย