ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – สธ.เชียงใหม่ วางมาตรการเข้มเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่เม็กซิกัน สั่งเก็บข้อมูลประวัตินักท่องเที่ยวจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทุกราย ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่เพื่อการติดตามอย่างใกล้ชิดหวั่นนำเข้าเชื้อ พร้อมเตือนไกด์ทัวร์รู้จักป้องกันตัวเอง ขณะเดียวกัน ยืนยันมีการเตรียมยาต้านไวรัสไว้เพียงพอ รองรับสถานการณ์หากฉุกเฉิน ด้านด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศท่าอากาศยานเชียงใหม่ระบุ ยังไร้ผู้ต้องสงสัย
วันนี้ (30 เม.ย.) ทันตแพทย์สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและส่งทีมแพทย์พยาบาลไปประจำที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศด้วยเที่ยวบินตรง ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก จนถึงเวลานี้ยังไม่พบว่ามีผู้ที่เข้าข่ายต้องสงสัยแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ได้มีการเก็บข้อมูลส่วนตัว ประวัติ และที่อยู่ระหว่างพำนักอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ของนักท่องเที่ยวจากประเทศที่พบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก และนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางไปในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรค ได้แก่ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา สเปน แคนาดา สหราชอาณาจักร อิสราเอล นิวซีแลนด์ ออสเตรีย เยอรมัน รวมทั้งเกาหลีใต้ ทั้งนี้เพื่อติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนนักท่องเที่ยวชาวเม็กซิโก จำนวน 22 คน ที่เดินทางเข้ามาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2552 เป็นต้นมานั้น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ถึงเวลานี้ทราบรายชื่อของนักท่องเที่ยวดังกล่าวทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังติดตามไม่พบตัว และไม่สามารถระบุได้ว่ายังคงอยู่ในพื้นที่หรือไม่ แต่ได้มีการแจ้งข้อมูลรายชื่อให้โรงพยาบาลและสถานพยาบาลทุกแห่งแล้ว หากนักท่องเที่ยวดังกล่าวมีอาการป่วยและเข้ารับการรักษาจะมีการแจ้งมายังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ทันที
นอกจากนี้ ทันตแพทย์สุรสิงห์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานงานไปยังมัคคุเทศก์ และเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่แล้ว เพื่อให้ความรู้และการป้องกันตนเอง พร้อมทั้งการปฏิบัติตนและดูแลลูกทัวร์จากต่างประเทศในเรื่องของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก เช่น หากพบนักท่องเที่ยวป่วยเป็นไข้ให้พาพบแพทย์ทันที ทำความสะอาดเบาะนั่ง ผ้าห่มทุกวัน ล้างมือเป็นประจำ เป็นต้น เพื่อป้องกันและควบคุมไม่ให้รับเชื้อสู่ตนเองและครอบครัว เพราะมีโอกาสที่จะรับเชื้อเมื่อใดก็ได้ เนื่องจากคลุกคลีกับชาวต่างชาติอย่างใกล้ชิด
สำหรับยาต้านไวรัสชนิดนี้หากมีการแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า จะสามารถให้บริการได้อย่างเพียงพอแน่นอน เนื่องจากตามปกติจะมียาต้านไวรัสชนิดนี้อยู่ที่โรงพยาบาลทุกแห่งอยู่แล้วตามสัดส่วนของจำนวนเตียงรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,000 ชุด และล่าสุดกำลังมีการจัดเตรียมไว้สำรองอีก 1,000 ชุด จึงขอให้มีความมั่นใจได้ ทั้งนี้เบื้องต้นแนะนำให้ประชาชนหมั่นรักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ล้างมือบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน หรือสถานที่แออัด เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง
ขณะที่ นายมานิตย์ ปัญญา หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่ติดตั้งกล้องอินฟาเรดเพื่อตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ถึงวันนี้ (30 เม.ย.) มีผู้โดยสารที่ผ่านการตรวจสอบด้วยกล้องอินฟาเรดแล้วจำนวนทั้งสิ้น 807 คน ซึ่งยังไม่พบว่ามีผู้ที่เข้าข่ายต้องสงสัยแม้แต่รายเดียว
ทั้งนี้ หากพบผู้ที่มีอาการไข้ อุณหภูมิสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จะทำการแยกผู้โดยสารออกมาทำการสัมภาษณ์และสอบประวัติอย่างละเอียดทันที โดยทีมแพทย์และพยาบาล ซึ่งมาตรการตรวจสอบด้วยวิธีการนี้จะดำเนินไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
วันนี้ (30 เม.ย.) ทันตแพทย์สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและส่งทีมแพทย์พยาบาลไปประจำที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศด้วยเที่ยวบินตรง ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก จนถึงเวลานี้ยังไม่พบว่ามีผู้ที่เข้าข่ายต้องสงสัยแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ได้มีการเก็บข้อมูลส่วนตัว ประวัติ และที่อยู่ระหว่างพำนักอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ของนักท่องเที่ยวจากประเทศที่พบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก และนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางไปในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรค ได้แก่ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา สเปน แคนาดา สหราชอาณาจักร อิสราเอล นิวซีแลนด์ ออสเตรีย เยอรมัน รวมทั้งเกาหลีใต้ ทั้งนี้เพื่อติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนนักท่องเที่ยวชาวเม็กซิโก จำนวน 22 คน ที่เดินทางเข้ามาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2552 เป็นต้นมานั้น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ถึงเวลานี้ทราบรายชื่อของนักท่องเที่ยวดังกล่าวทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังติดตามไม่พบตัว และไม่สามารถระบุได้ว่ายังคงอยู่ในพื้นที่หรือไม่ แต่ได้มีการแจ้งข้อมูลรายชื่อให้โรงพยาบาลและสถานพยาบาลทุกแห่งแล้ว หากนักท่องเที่ยวดังกล่าวมีอาการป่วยและเข้ารับการรักษาจะมีการแจ้งมายังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ทันที
นอกจากนี้ ทันตแพทย์สุรสิงห์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานงานไปยังมัคคุเทศก์ และเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่แล้ว เพื่อให้ความรู้และการป้องกันตนเอง พร้อมทั้งการปฏิบัติตนและดูแลลูกทัวร์จากต่างประเทศในเรื่องของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก เช่น หากพบนักท่องเที่ยวป่วยเป็นไข้ให้พาพบแพทย์ทันที ทำความสะอาดเบาะนั่ง ผ้าห่มทุกวัน ล้างมือเป็นประจำ เป็นต้น เพื่อป้องกันและควบคุมไม่ให้รับเชื้อสู่ตนเองและครอบครัว เพราะมีโอกาสที่จะรับเชื้อเมื่อใดก็ได้ เนื่องจากคลุกคลีกับชาวต่างชาติอย่างใกล้ชิด
สำหรับยาต้านไวรัสชนิดนี้หากมีการแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า จะสามารถให้บริการได้อย่างเพียงพอแน่นอน เนื่องจากตามปกติจะมียาต้านไวรัสชนิดนี้อยู่ที่โรงพยาบาลทุกแห่งอยู่แล้วตามสัดส่วนของจำนวนเตียงรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,000 ชุด และล่าสุดกำลังมีการจัดเตรียมไว้สำรองอีก 1,000 ชุด จึงขอให้มีความมั่นใจได้ ทั้งนี้เบื้องต้นแนะนำให้ประชาชนหมั่นรักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ล้างมือบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน หรือสถานที่แออัด เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง
ขณะที่ นายมานิตย์ ปัญญา หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่ติดตั้งกล้องอินฟาเรดเพื่อตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ถึงวันนี้ (30 เม.ย.) มีผู้โดยสารที่ผ่านการตรวจสอบด้วยกล้องอินฟาเรดแล้วจำนวนทั้งสิ้น 807 คน ซึ่งยังไม่พบว่ามีผู้ที่เข้าข่ายต้องสงสัยแม้แต่รายเดียว
ทั้งนี้ หากพบผู้ที่มีอาการไข้ อุณหภูมิสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จะทำการแยกผู้โดยสารออกมาทำการสัมภาษณ์และสอบประวัติอย่างละเอียดทันที โดยทีมแพทย์และพยาบาล ซึ่งมาตรการตรวจสอบด้วยวิธีการนี้จะดำเนินไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย