จันทบุรี - อบจ.จันทบุรี ประชุมเตรียมพร้อม ป้องกันแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ เนื่องจากผลผลิตล้นตลาด คาดปีนี้ผลกระทบไม่รุนแรง
วันนี้ (29 เม.ย.) นายธนภณ กิจกาญจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยนายพงศ์ศักดิ์ หลิวทวีสีประกาย ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ประชุมเตรียมการรับมือปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในฤดูกาลผลไม้นี้
การประชุมในวันนี้เป็นการเตรียมการรองรับสถานการณ์ผลไม้ในฤดูกาลผลไม้ปี 2552 ที่จะออกสู่ตลาดพร้อมกัน อาจส่งผลต่อราคาผลผลิตตกต่ำ โดยที่ประชุมมีมติช่วยเหลือเกษตรกรในฤดูกาลผลไม้ประจำปี 2552 โดยมุ่งที่การหาตลาดรองรับ เพื่อเร่งระบายผลผลิตออกสู่ตลาดทั้งภายในและภายนอกจังหวัดจันทบุรี การต่อยอดคู่ค้าเดิมที่ร่วมโครงการของฤดูกาล 2551 และเร่งหาตลาดคู่ค้าใหม่ ผนวกกับมอบให้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี ร่วมสร้างเครือข่ายหาช่องทางกระจายผลผลิตอีกทางหนึ่งด้วย ภายใต้หลักการ เกษตรกรอยู่ได้ ผู้ประกอบการอยู่ได้ และผู้บริโภคได้รับประทานผลไม้ในราคาเป็นธรรม
นางเริงจิตร พรหมสถิต เกษตรจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลผลิตผลไม้ของเกษตรกรในจังหวัดจันทบุรีเริ่มทยอยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเป็นช่วงของต้นฤดูกาลผลิต ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรี ประมาณการว่า ในปีนี้จังหวัดจันทบุรีจะมีผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาด ประมาณ 218,228 ตัน เงาะ ประมาณ 149,136 ตัน มังคุด ประมาณ 76,826 ตัน โดยปัจจุบันมีพ่อค้าแม่ค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติมาตั้งลังรับซื้อผลไม้ในจังหวัดจันทบุรีมากขึ้น ทำให้ราคาผลผลิตของเกษตรกรยังคงมีราคาดีต่อเนื่อง
อีกทั้งปีนี้เกษตรกรในจังหวัดจันทบุรี เน้นการผลิตผลไม้ตามคุณภาพ มาตรฐาน ตามที่ตลาดต้องการ สำหรับราคาซื้อขายผลไม้ในช่วงนี้ พันธุ์หมอนทองเกรดคุณภาพส่งออก กิโลกรัมละ 45-47 บาท เกรดคละกิโลกรัมละ 30-32 บาท พันธุ์ชะนี ราคาประมาณ กิโลกรัมละ 18-20 บาท พันธุ์กระดุมราคากิโลกรัมละ 16-17 บาท ส่วนราคาเงาะ กิโลกรัมละ ประมาณ 30-35 บาท ด้านมังคุด ที่ปีนี้คาดว่าตลาดสดใส เนื่องจากมีกำลังซื้อจากตลาดต่างประเทศสั่งนำเข้ามากมาย ราคา ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ กิโลกรัมละ 80-100 บาท
ด้าน นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ราคาผลไม้ที่ดีอย่างนี้ จะส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนในจังหวัดจันทบุรีมีรายได้สูงขึ้น แต่ขอให้เกษตรกรรักษาคุณภาพมาตรฐาน ผลผลิตผลไม้ให้ได้ตามที่ตลาดต้องการ ราคาก็จะดีต่อเนื่อง ผลผลิตที่ยังไม่ได้คุณภาพ ก็อย่ารีบเก็บออกมาจำหน่ายเพราะจะทำให้กลไกการตลาดเสียหาย และจะส่งผลกระทบต่อราคาผลผลิตของเกษตรกร
วันนี้ (29 เม.ย.) นายธนภณ กิจกาญจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยนายพงศ์ศักดิ์ หลิวทวีสีประกาย ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ประชุมเตรียมการรับมือปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในฤดูกาลผลไม้นี้
การประชุมในวันนี้เป็นการเตรียมการรองรับสถานการณ์ผลไม้ในฤดูกาลผลไม้ปี 2552 ที่จะออกสู่ตลาดพร้อมกัน อาจส่งผลต่อราคาผลผลิตตกต่ำ โดยที่ประชุมมีมติช่วยเหลือเกษตรกรในฤดูกาลผลไม้ประจำปี 2552 โดยมุ่งที่การหาตลาดรองรับ เพื่อเร่งระบายผลผลิตออกสู่ตลาดทั้งภายในและภายนอกจังหวัดจันทบุรี การต่อยอดคู่ค้าเดิมที่ร่วมโครงการของฤดูกาล 2551 และเร่งหาตลาดคู่ค้าใหม่ ผนวกกับมอบให้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี ร่วมสร้างเครือข่ายหาช่องทางกระจายผลผลิตอีกทางหนึ่งด้วย ภายใต้หลักการ เกษตรกรอยู่ได้ ผู้ประกอบการอยู่ได้ และผู้บริโภคได้รับประทานผลไม้ในราคาเป็นธรรม
นางเริงจิตร พรหมสถิต เกษตรจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลผลิตผลไม้ของเกษตรกรในจังหวัดจันทบุรีเริ่มทยอยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเป็นช่วงของต้นฤดูกาลผลิต ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรี ประมาณการว่า ในปีนี้จังหวัดจันทบุรีจะมีผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาด ประมาณ 218,228 ตัน เงาะ ประมาณ 149,136 ตัน มังคุด ประมาณ 76,826 ตัน โดยปัจจุบันมีพ่อค้าแม่ค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติมาตั้งลังรับซื้อผลไม้ในจังหวัดจันทบุรีมากขึ้น ทำให้ราคาผลผลิตของเกษตรกรยังคงมีราคาดีต่อเนื่อง
อีกทั้งปีนี้เกษตรกรในจังหวัดจันทบุรี เน้นการผลิตผลไม้ตามคุณภาพ มาตรฐาน ตามที่ตลาดต้องการ สำหรับราคาซื้อขายผลไม้ในช่วงนี้ พันธุ์หมอนทองเกรดคุณภาพส่งออก กิโลกรัมละ 45-47 บาท เกรดคละกิโลกรัมละ 30-32 บาท พันธุ์ชะนี ราคาประมาณ กิโลกรัมละ 18-20 บาท พันธุ์กระดุมราคากิโลกรัมละ 16-17 บาท ส่วนราคาเงาะ กิโลกรัมละ ประมาณ 30-35 บาท ด้านมังคุด ที่ปีนี้คาดว่าตลาดสดใส เนื่องจากมีกำลังซื้อจากตลาดต่างประเทศสั่งนำเข้ามากมาย ราคา ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ กิโลกรัมละ 80-100 บาท
ด้าน นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ราคาผลไม้ที่ดีอย่างนี้ จะส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนในจังหวัดจันทบุรีมีรายได้สูงขึ้น แต่ขอให้เกษตรกรรักษาคุณภาพมาตรฐาน ผลผลิตผลไม้ให้ได้ตามที่ตลาดต้องการ ราคาก็จะดีต่อเนื่อง ผลผลิตที่ยังไม่ได้คุณภาพ ก็อย่ารีบเก็บออกมาจำหน่ายเพราะจะทำให้กลไกการตลาดเสียหาย และจะส่งผลกระทบต่อราคาผลผลิตของเกษตรกร
