ศูนย์ข่าวขอนแก่น - NGOs อีสานฟันธงเหตุการณ์เสื้อแดงชุมนุมบานปลายรุนแรงถึงเลือดแน่ โยนบาปพี่น้องพันธมิตรฯ “เสื้อเหลือง”เป็นคู่กรณีเสื้อแดง ซ้ำดึงการ์ดศรีวิชัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะกำลังพลที่จะต่อกรกับเสื้อแดงถึงขั้นแตกหัก ระบุ เหตุชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงขับไล่รัฐบาลเพียงแค่หน้าฉาก ชี้ถึงที่สุดประชาชนเป็นเครื่องมือการเมืองและได้รับความสูญเสีย ร้องผู้อาวุโสบ้านเมือง/นักวิชาการ ออกมาแสดงจุดยืน
เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น.วันนี้ (8 เม.ย.) องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนในภาคอีสาน ประกอบด้วย กลุ่มนิเวศนวัฒนธรรมศึกษาอุดรธานี กลุ่มศึกษาปัญหาดินเค็ม, ศูนย์ข้อมูลและสิทธิมนุษยธรรมและสันติภาพอีสาน, สถาบันชุมชนชาวนา จ.มหาสารคาม, กระท่อมบรรพชน, อาศรมบ่มเพาะชีวิตและจิตวิญญาณ, โครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและร้านกลิ่นวรรณกรรมอีสาน ฯลฯ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์เพื่อแสดงความเห็นต่อกรณีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมขับไล่รัฐบาลในขณะนี้
นายสมพจน์ สมบูรณ์ ตัวแทนผู้แถลงข่าวได้อ่านแถลงการณ์ว่า เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ขณะนี้พวกการเมือง 2 ขั้ว (เสื้อแดง เสื้อเหลือง) ได้ก่อการปะทะในรูปแบบต่างๆ เช่น การปิดล้อมรถยนต์ของนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ การจับกุมผู้ว่าจ้างฆ่า นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี จำนวน 5 คน อีกทั้งได้มีการเตรียมกำลังนอกเครื่องแบบของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งกองกำลังของอดีต ทปท.(อดีตกองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์) เพื่อยกระดับการต่อสู้เข้าสู่ขั้นแตกหัก โดยมีเป้าล่อเพียงแค่การลาออกของรัฐบาล หรือการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่
พวกเรามีความห่วงใยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนและบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มพลังเงียบ ซึ่งไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่ซับซ้อน แต่ได้เข้าไปร่วมด้วยความอยากรู้อยากเห็นหรือผู้ที่ติดตามข่าวสารอยู่ภายนอก แต่เมื่อสถานการณ์ยกระดับขึ้นไปแต่ละรอบก็เข้าไปร่วมการเคลื่อนไหว อันจะนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของญาติมิตรพี่น้องที่ไม่รู้เบื้องลึกในเหตุการณ์ พวกเราจึงมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1.ขอเรียกร้องให้พลังเงียบ ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ได้ออกมาแสดงตัวตนด้วยวิธีการต่างๆเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงหรือลดระดับความรุนแรงให้มากที่สุด
2.พวกเราวิเคราะห์ว่า การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นสงครามครั้งสุดท้าย ซึ่งหมายถึงการแตกหักที่จะต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นผู้ชนะและมีอีกฝ่ายหนี่งเป็นผู้แพ้ สถานการณ์จะไม่หยุดยั้งอยู่แค่นั้น แต่จะเกิดการแก้แค้น ล้างบาง ล้างเลือดด้วยวิธีการต่างๆ นานา ทั้งวิธีการใต้ดิน อันจะนำไปสู่บาดแผลร้าวลึกของสังคมไทยยิ่งกว่าเหตุการณ์สมัย 14 ตุลา 6ตุลา และพฤษภาทมิฬ
จึงขอเรียกร้องให้สถาบันผู้อาวุโสในสังคมไทย ศ.นพ.เกษม พริ้งพวงแก้ว ศ.ระพี สาคริก ศ.นพ.ประเวศ วะสี ศ.เสน่ห์ จามริก ส.ศิวรักษ์ ฯลฯ ออกมาแสดงจุดยืนโดยด่วน พร้อมกันนี้ขอให้พี่น้ององค์กรพัฒนาเอกชนทุกภูมิภาคได้เคลื่อนไหวภายใต้คำขวัญ 3 ส. คือ สงกรานต์ สมานฉันท์และสันติเสวนา เพื่อฝ่าวิกฤตของการเมืองไทย และขอเรียกร้องนักวิชาการทุกสถาบันได้มือกันหาทางออกให้กับสังคมไทย เพื่อเปลี่ยนผ่านแห่งสันติสู่การเมืองใหม่อย่างแท้จริง
ด้าน นายบำรุง บุญปัญญา นักพัฒนาเอกชนอาวุโส กล่าวแสดงความเห็นต่อว่า เหตุการณ์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนี้ (8 เม.ย.) เชื่อว่า จะเกิดเหตุความรุนแรงมากกว่าความขัดแย้งทางการเมืองในทุกครั้งที่ผ่านมา โดยระบุเหตุการณ์ความรุนแรงขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้มากจาก 2 ฝ่ายที่ไม่ลงรอยทางการเมืองคือ กลุ่มคนเสื้อแดง กับคนเสื้อเหลืองเท่านั้น ส่วนเหตุการณ์ชุมนุมของฝ่ายเสื้อแดงขับไล่รัฐบาลเป็นเพียงแค่หน้าฉากเท่านั้น
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้พยายามรุมเข้าทำร้าย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่พัทยา เหตุการณ์ลอบสังหารนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี รวมถึงเหตุการณ์อื่นที่เกิดขึ้น ล้วนเชื่อมโยงกันและพัฒนายกระดับความรุนแรงสูงขึ้น
ทำให้ทั้งสองฝ่าย ตระเตรียมกำลังที่จะปะทะกันขั้นแตกหัก โดยกลุ่มคนเสื้อแดง จะมีกำลังจากพรรคคอมมิวนิสต์เก่า รวมถึงกลุ่มการ์ดอาสาที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี ขณะที่กลุ่มเสื้อเหลืองมีกำลังจากการ์ดนักรบศรีวิชัย รวมถึงกำลังเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน เชื่อว่า ทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดการนองเลือดกันการชุมนุมคืนวันนี้ (8 เม.ย.) และเชื่อว่า จะปะทะกัน ไม่น่าจะเกินเวลา 05.00 น.ของคืนวันนี้ เช่นกัน ท้ายที่สุดการนองเลือดกันในเหตุการณ์ครั้งนี้ เชื่อว่าอีกฝ่ายต้องมีการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น