xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” คาด “โหวตโน” มีผลต่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เช่นเดียวกับแบ่งเขต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” ชี้วันนี้ “โหวตโน” สมบูรณ์แบบที่สุดในการหยุดยั้ง “ระบอบทักษิณ-นักการเมืองชั่ว” แจงมีผลทั้งทางการเมือง-กฎหมาย-รัฐศาสตร์ ที่ใครจะมาโจมตีให้เสียหายไม่ได้อีกแล้ว คาดคะแนนไม่ประสงค์เลือกใครมีผลต่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เช่นเดียวกับแบบแบ่งเขตแต่ “อนุรักษ์” ยังไม่ได้พูดถึง ลั่นจะตัดทิ้งไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะขัดต่อเจตนารมณ์ของ รธน.และการเลือกตั้ง

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

วันนี้ (20 มิ.ย.) เวลาประมาณ 21.30 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า น่าเห็นใจและเข้าใจคนที่เชียร์ ประชาธิปัตย์ อย่างเช่น พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ท่านก็หาเหตุผลมาว่าทำไมต้องเลือกประชาธิปัตย์ นั่นก็เป็นมุมมองของท่าน เราก็เคารพแต่เราไม่เห็นด้วย ซึ่งเราหวังว่าด้วยการที่ท่านเป็นปราชญ์ก็น่าจะเคารพความคิดเห็นของประชาชนด้วย ว่าประชาชนได้สัมผัสนักการเมืองเหล่านั้นมาหมดแล้ว จึงมาถึงคำตอบว่าไม่มีนักการเมืองคนไหนฝากความหวังไว้ได้

ส่วนอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หมดสภาพความเป็นนักวิชาการไปแล้ว เลือกที่จะเชียร์นายอภิสิทธิ์แบบไม่ลืมหูลืมตา หาอิสระทางความคิดแบบในอดีตไม่ได้แล้ว อาจารย์ก็เลยต้องเสียคนไปในช่วงปลายของชีวิตแบบน่าเสียดาย

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์เขียนในเฟซบุ๊กว่าตัวเองดีอย่างนั้นอย่างนี้ ประชาชนรู้สึกแสลงใจที่ไปกอดกับนายเนวิน บอกด้วยว่าเลือกพรรคมาร่วมรัฐบาลเพราะไม่มีตัวเลือก พูดเอาดีเข้าตัวสุดท้ายก็ไม่มีใครเป็นเพื่อนมันเลยสักคน แล้วยังออกมาเถียงเรื่องเด็กๆ ว่าไม่ได้ดีแต่พูด อย่างเรื่องเบี้ยยังชีพ เรียนฟรี ก็ได้ทำแล้ว แต่กฎเหล็ก 9 ข้อ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ๆ ได้ทำหรือไม่ นี่คือนิสัยของเขา ตนรู้นิสัยหมอนี่มานานแล้ว ว่าคนคนนี้เป็นได้แค่โฆษกรัฐบาลเท่านั้น ชอบเถียงเรื่องเล็กเรื่องน้อย

“แผนการไปเอาเขามาร่วมรัฐบาล อภิสิทธิ์รับรู้มาแต่ต้น เพราะนายสุเทพรายงานทุกขั้นตอนในการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ผมรู้ เรื่องอะไรที่สุเทพไปทำจะรายงานอภิสิทธิ์ทุกเรื่อง เรื่องไปกอดเนวินก็ทำด้วยความเต็มใจ สมัครใจ แต่วันนี้ทะลึ่งมาเขียนแบบนี้ คนแบบนี้คบได้หรือถึงไม่มีใครคบ เห็นแก่ตัว กินในที่ลับแต่พอมีเรื่องฉาวโฉ่โยนให้คนอื่นหมดเลย ทำตัวเป็นคุณชายสะอาด พูดเพื่อหาเสียงกับคนชั้นกลางในกรุงเทพฯ เพื่อให้เห็นใจ ไม่มีหลักการอะไรเลย ทุกเรื่องทำด้วยตัวคุณเอง วันนี้แก้ตัวไม่ได้ นี่คือสภาพปัญหาของบ้านเมืองที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นคนที่บอกว่าโหวตโนเสียของ วันนี้รู้แล้วเลือกคุณต่างหากที่เสียของ พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย” นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์กล่าวต่ออีกว่า พูดถึงบทความท่านอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา คือว่าหัวใจสำคัญของมันคือ ท่านชี้ให้เห็นประเด็นข้อกฎหมาย 2 มาตรา คือ มาตรา 88 และมาตรา 89 ของพรบ.เลือกตั้ง ที่ผ่านมาเราเข้าใจมาตรา 88 มาตราเดียว กรณีที่มีผู้สมัครคนเดียวลงในเขตเลือกตั้งนั้นๆในการเลือกตั้งส.ส.เขต คนเดียวที่ได้รับเลือกตั้งนั้นต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง และต้องไม่น้อยกว่าคะแนนของผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน นั่นคือต่อให้ถึงร้อยละ 20 แต่น้อยกว่าโหวตโนก็ไม่ได้ ต้องเลือกใหม่ แต่ปรากฎว่าคราวนี้ไม่มีเขตไหนเลยที่มีการส่งพรรคเดียว คนเดียว

กรณีที่มีการแข่งขันแบบนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์นี้เช่นเดียวกัน คือ มาตรา 89 จะต้องอยู่ภายใต้มาตรา 88 เช่นเดียวกัน เพราะกฎหมายเขียนว่ามาตรา 89 ภายใต้บังคับมาตรา 88 ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครซึ่งได้รับคะแนนเลือกตั้งมากที่สุดในเขตเลือกตั้งนั้นเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้ง ในกรณีที่มีผู้ได้รับคะแนนเลือกตั้งมากที่สุดเท่ากันหลายคน ให้ใช้วิธีการจับสลากซึ่งต้องกระทำต่อหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขต เลือกตั้งตามวิธีการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด

นายประพันธ์กล่าวว่า ทีนี้ทำไมเขาเขียนว่าภายใต้บังคับมาตรา 88 นั่นก็หมายความว่า ในเขตเลือกตั้งใด ถ้าในวันเลือกตั้งมีผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งคนเดียว ผู้สมัครจะได้รับเลือกตั้งต่อเมื่อได้รับคะแนนเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น และมากกว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้ง

สรุปแล้วเมื่ออ่าน 2 มาตรานี้รวมกัน คนที่จะได้เป็นผู้แทนราษฎรต้องมีองค์ประกอบ 3 ข้อ

1.ได้รับคะแนนเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น

2.ได้รับคะแนนเลือกตั้งมากกว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้ง

แล 3.ต้องได้รับคะแนนเลือกตั้งมากที่สุดกว่าทุกคนเมื่อรวมคะแนนแล้วในเขตเลือกตั้งนั้น

แต่ต่อให้ได้มากสุด แต่ได้ไม่ถึงร้อยละ 20 หรือไม่มากกว่าไม่ประสงค์ลงคะแนน ก็ไม่ได้เป็นผู้แทนฯ นี่คือประเด็นของบทความชิ้นนี้

จึงเป็นการตอบคำถามว่า การไปกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน มีผลทางนิตินัยหรือทางกฎหมายตามมาตรา 88-89 เพราะฉะนั้นถ้าหากมีเขตเลือกตั้งแบบนี้มากกว่า 25 เขต ก็จะไปโยงรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 ว่าสภาผู้แทนจะเปิดประชุมสภาได้ต้องมีจำนวนส.ส.ที่ผ่านการับรองแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ร้อยละ 95 จาก 500 คน ก็คือ 475 คน ถึงจะเปิดประชุมได้

ทีนี้ถ้ามี 26 คนยังไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งได้ สภาก็เปิดประชุมไม่ได้ เลือกนายกฯ ไม่ได้ เลือกประธานสภาไม่ได้ ก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ในเขตที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็ต้องเลือกตั้งใหม่จนกว่าจะผ่านเกณฑ์ที่ว่านี้

“การโหวตโนนี้ หยุดยั้งระบอบทักษิณได้ เมื่อเรามองว่าทักษิณกำลังจะกลับมา โดยเชิดยิ่งลักษณ์มาเป็นนายกฯ ก็จะไม่สามารถประชุมได้ ไม่สามารถเลือกนายกฯได้ พลังโหวตโนก็เป็นการหยุดยั้งระบอบทักษิณไปในตัว นี่ไงไม่เสียของ แต่เลือกประชาธิปัตย์เสียของ เขาตั้งรัฐบาลฉลุยเลย ไม่สามารถเอาอะไรไปขวางเขาได้เลย” นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ทีนี้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ท่านอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ยังไม่ได้พูดถึง แต่ก็อาจมีผลเช่นกัน เพราะแบบเขตยังเอาคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนนมารวมด้วย ตนขอเสนอมุมใหม่ว่าปาร์ตี้ลิสต์จะต้องเอาคะแนนคนไปใช้สิทธิ์ทั้งหมด ไม่ว่าเลือกพรรคไหนก็ตาม และคะแนนไม่ประสงค์เลือกพรรคใดมารวมด้วย เพราะเป็นการไปใช้สิทธิ์ของประชาชน แล้วค่อยหารด้วยจำนวน ส.ส. เพื่อคิดสูตรว่าจำนวน ส.ส.1 คนต่อ 1 ที่ ควรจะเฉลี่ยต่อคะแนนเสียงกี่แสนคะแนน จะเอาโหวตโนทิ้งไปไม่ได้ เมื่อเป็นอย่างนี้ คะแนนโหวตโนก็มีความหมาย เพราะเป็นคะแนนของประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์เอามาตัดทิ้งไม่เอามาหารไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้ง ที่ว่าผู้ได้รับเลือกตั้งต้องได้รับฉันทานุมัติจากผู้ไปใช้สิทธิ์ แต่นั่นเป็นอีกกรณีหนึ่ง ที่ท่านยังไม่ได้พูดถึง

เมื่อโหวตโนเป็นอย่างนี้ เปิดสภาไม่ได้ มีผู้สื่อข่าวถามตนว่า ถ้าอย่างนั้นบ้านเมืองก็วิกฤติสิ ตนก็ตอบไปว่าต้องทำความเข้าใจวิกฤตชาติก่อน ว่าเกิดจากนักการเมืองชั่ว นักการเมืองโกง ไม่ใช่เกิดจากการที่ประชาชนไม่ไปเลือกนักการเมืองเลว และในเมื่อนักการเมืองชั่วเป็นต้นตอวิกฤติบ้านเมือง นักข่าวควรไปถามเขาว่าทำอย่างไรถึงจะชนะใจประชาชนที่ไม่เลือกพวกเขา

ถ้าไม่สามารถเปิดสภาได้ ไม่ใช่ความผิดประชาชน หรือจะให้ประชาชนหยวนๆเลือกตั้งให้เขาเข้าไปปู้ยี่ปู้ยำประเทศอย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือถึงจะเป็นพลเมืองที่ดี ประชาชนที่ดีต้องรู้จักใช้สิทธิ์ของเราให้มีอำนาจต่อรองบังคับให้นักการเมืองยอมรับแนวทางที่มีประโยชน์ต่อชาติบ้านมืองเสียก่อนถึงจะยอมเลือก ประโยชน์ก็เกิดกับประชาชน และบ้านเมือง เรากำลังทำให้นักการเมืองเลิกพฤติกรรมชั่วๆย่อมเป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย

ถ้าโหวตโนเยอะๆ สามารถบังคับพรรคการเมืองให้ยอมรับแนวทางปฏิรูปชาติบ้านเมืองด้วย เราถึงจะยอมรับการเลือกตั้งครั้งที่2-3 เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ พวกเราคือตัวกลั่นกรองเพื่อประโยชน์ชาติ

นายประพันธ์กล่าวว่า การไม่ประสงค์ลงคะแนนนั้น มีผลทั้งทางการเมือง กฎหมาย และรัฐศาสตร์ ที่ใครจะมาโจมตีให้เสียหายไม่ได้แล้ว บัดนี้ความคิดเชิงยุทธศาสตร์เรื่องไม่ประสงค์ลงคะแนนนั้นมีความสมบูรณ์สุดที่จะทำให้บ้านเมืองรอดจากเงื้อมมือนักการเมืองเลว ขอบคุณท่านอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ที่จุดประกายไฟและแสงสว่างทางปัญญาให้ประชาชน อย่างน้อยสังคมจะได้นำไปถกเถียงได้ตกผลึกว่า สิ่งที่เราทำอยู่นี้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญทุกประการ

คำต่อคำ

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ทางบ้านและที่อยู่ต่างประเทศ ความจริงเพลงโหวตโนผมชอบมาก โดยเฉพาะ"พร้อมกันโหวตโน" วันนี้เปิดด้วยเพลงโหวตโนมันไปอีกแบบ เพราะว่าในช่วงเวลานี้พี่น้องทางบ้านบางท่านไม่ค่อยได้ฟังเพลงโหวตโน และมีคนถามมามาก โดยเฉพาะพ่อแม่พี่น้องต่างจังหวัด ว่าเอ๊ะโหวตโนคืออะไร เราเลยถือโอกาสอธิบายและใช้ช่วงเวลานี้ตอบ ทุกครั้งที่เราพูดเรื่องโหวตโน เราต้องพูดคำอธิบายที่เป็นภาษาไทยไปด้วยว่า คำว่า โหวตโน คือการไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ไปกาลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกใคร ทั้ง 2 ใบ ไม่ว่าเลือกคนเลือกพรรค โหวตโน คือ กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนจะอยู่ด้านล่างสุดของบัตรเลือกตั้ง วันหลังให้ทีมงานเอาบัตรเลือกตั้งทั้ง 2 แบบ ทำให้ใหญ่ๆ มาขึ้นป้ายบนเวที แล้วชี้ให้พี่น้อง ซึ่งท่านไม่รู้ว่า โหวตโน อยู่ตรงไน หรือช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน อยู่ตรงไหน เมื่อกลางวันมีคนโทรมาถาม เป็นพี่น้องชาวไทยที่อยู่อิตาลี มีสามีเป็นชาวอิตาเลี่ยน เขาโทรมาจากอิตาลี เมืองโตริโน มีคนไทยอยู่ที่นั่นเยอะ โทรมาให้กำลังใจชาวไทยทุกคนที่ชุมนุมอยู่ในขณะนี้ ในการออกมาปกป้องดินแดนอธิปไตย พร้อมกับสนับสนุนการรณรงค์โหวตโน ทั้งสามีภรรยา เข้าใจการเมืองในประเทศไทย สนับสนุนโหวตโน แล้วเธอเกรงว่า พ่อแม่อยากโหวตโนแต่ไม่รู้ที่โหวตโนอยู่ตรงไหน ภาษาไทยคือ ถ้าท่านไม่ประสงค์จะเลือกใคร ให้กาใสช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ซึ่งในบัตรเลือกตั้ง พี่น้องจำง่ายๆ อยู่ด้านล่างสุด มุมขวางสุดของบัตรที่เราได้รับ พี่น้องทางบ้านสนใจอยากร่วมรณรงค์โหวตโน จำง่ายถ้าท่านอ่านหนังสือไม่ออก ไม่เข้าใจ รับบัตรเลือกตั้งมา ดูมุมขวาล่างสุดของบัตรเลือกตั้งทั้ง 2 ใบ บัตรเลือกคนกับบัตรเลือกพรรค มุมขวาล่างสุดมีช่องสี่เหลี่ยม และมีข้อความอธิบายว่า ไม่ประสงค์ลงคะแนน ก็กาช่องนี้ ส่วนช่องอื่นจะมีชื่อพรรค เบอร์นู้นเบอร์นี้ไม่ต้องสนใจ เลือกคนก็เหมือนกัน นายนี้เบอร์นี้ พรรคนี้เบอร์นี้ ไม่ต้องสนใจ สนใจช่องล่างสุด แล้วทุกคะแนนที่พี่น้องลงคะแนน ตามกฎหมายเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ปีนี้แก้กฎหมายใหม่ เดิมทีเลือกตั้งเสร็จทุกหน่วยต้องรวมคะแนนแต่ละหน่วยแล้วมานับที่เขต หรือจังหวัด แต่ปัจจุบันจะนับที่หน่วยเลือกตั้ง เช่น ผมไปลงที่หมู่บ้านชลลดา เขาจะนับที่นั่น และมีกระดานขึ้นว่าพรรคนี้ได้กี่คะแนน เพราะฉะนั้นการนับคะแนน เจ้าหน้าที่ กกต.ต้องนับคะแนนลงให้นาย ก. นาย ข. นาย ค. หรือ พรรค ก. พรรค ข. พรรค ค. ก็แล้วแต่ ถ้าเขาไม่ประสงค์ลงคะแนนต้องติ๊กในส่วนไม่ประสงค์ลงคะแนน ถ้าบัตรเสียก็ขานเป็นบัตรเสีย ทั้งหมดนี้ คะแนนทั้งหมดจะต้องโชว์ที่หน่วยเลือกตั้ง และคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ต้องรวบรวมผลคะแนนส่งมายัง กกต.เขต แล้วเขตจะส่งมาส่วนกลาง นี่คือการปฏิบัติในการเลือกตั้ง

สรุปแล้ว คะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนน เป็นคะแนนไม่ใช่บัตรเสีย เป็นคะแนนที่มีผู้ใช้สิทธิ์ และ กกต.ต้องประกาศ รวมทั้งจะต้องสรุปรายงานด้วยว่า ในเขตเลือกตั้งหนึ่งๆ มีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนทั้งสิ้นกี่คะแนน และคะแนนผู้สมัครบางเขตอาจจะน้อยกว่าผู้สมัครโหวตโนด้วยซ้ำไป หรือของพรรคการเมืองหลายพรรคอาจจะสู้พรรคโหวตโนด้วยซ้ำไป ตรงนี้จะมีผลในทางการเมือง ขณะนี้ในมุมทางกฎหมาย สะท้อนให้เห็นแล้วว่า ถ้าอำนาจประชาชนกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน มีมากกว่าผู้สมัคร หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง จะมีผลต่อการเมืองของประเทศไทยในการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้นวันนี้ชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศ ขณะนี้เขาได้รับบัตรแล้ว กำลังเป็นช่วงลงคะแนนล่วงหน้า เขาจะกาแล้วส่งใส่ซองมา กงสุลจะส่งมาประเทศไทย เพราะฉะนั้นขณะนี้คนไทยในต่างประเทศ หรือผู้ลงชื่อใช้สิทธิ์ล่วงหน้า ท่านสามารถกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนได้ก่อนคนอื่น อันนี้ให้กำลังใจพี่น้องที่ลงทะเบียนว่าจะลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า รวมทั้งคนไทยในต่างประเทศ เขาสามารถกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนได้ พวกเราที่จะไปใช้สิทธิ์ในวันเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 3 ก.ค. โดยพร้อมเพรียงกัน

พี่น้องครับเมื่อพูดถึงเรื่องโหวตโน ขอพูดถึงโพลของนิด้า ท่านคงทราบแล้ว แต่โพลนิด้าพึ่งออกเมื่อวานนี้ เป็นที่น่าประหลาดใจ ตื่นตาตื่นใจมากสำหรับการรณรงค์โหวตโน ก่อนที่เราจะรณรงค์เคลื่อนไปทั่วประเทศ ก่อนเรารณรงค์ในเขตกรุงเทพฯ ตัวเลขผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนมีจำนวนไม่มาก เช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน มีไม่ถึง 1% แต่เมื่อรณรงค์เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิ์ไม่ประสงค์ลงคะแนน ขณะนี้ภาคเหนือและภาคอีสานมี 2-3% ที่ภาคกลาง ขณะนี้ขึ้นมาถึง 5% ภาคใต้ จากเดิม 1-2% เวลานี้ขึ้นมา 7.56% เกือบ 8% ส่วนกรุงเทพฯ ตอนที่เรายังไม่รณรงค์ มีผู้ตั้งใจจะไปกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ประมาณ 1% แต่เมื่อเรารณรงค์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำโพลสำรวจอีกครั้ง ปรากฏว่าในกรุงเทพฯ มีผู้ประสงค์จะกาในช่องไม่เลือกใคร ถึง 5-6% ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า การรณรงค์ของพวกเราได้ผลดีอย่างยิ่ง ทำให้มีผู้ตั้งใจไปกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเพิ่มขึ้น โดยรวมขณะนี้เกือบถึง 10% ทั่วประเทศ ถ้าถึง 10% จากตัวเลขผู้ใช้สิทธิ์ทั้งหมด 47.3 ล้านคน ถ้า 10% อยู่ประมาณ 4.7 ล้านเสียง ถ้าหากรณรงค์ต่อไปในช่วงโค้งสุดท้าย 10 กว่าวันที่เหลือ ผมเชื่อว่าจะมีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ขอให้พวกเราทำงานหนักเดินหน้าต่อไป การทำงานของพวกเราประสบผลสำเร็จ

พี่น้อง จากโพลครั้งนี้มีจุดที่น่าสนใจคือ 1.ภาคใต้ ผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนเพิ่มขึ้นเกือบ 10% เป็นมูลเหตุให้คนของพรรคประชาธิปัตย์ปล่อยข่าวโจมตีว่า สนธิรับงานทักษิณ เขาถึงดิ้นรน นี่จากผลสำรวจเชื่อถือได้ว่า ขณะนี้ภาคใต้เขาก็หนาวแล้วครับ นอกจากนั้นในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ถึง 6% เหนือ อีสานจากไม่มีเลย เพิ่มขึ้นมาเกือบ 3% เป็นเรื่องไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ใต้กับกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาก และมีผลสำคัญ เพราะว่าคนเหล่านี้มีการศึกษา มีความรู้ รักความเป็นธรรม ส่วนภาคอีสาน แม้จะมีระบบอุปถัมภ์ ซื้อเสียง นักเลง เจ้าพ่อ ครอบงำกลไกราชการ กลไกผู้ใหญ่บ้าน กำนัน การปกครองท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพลครอบงำอยู่ ยังผุดมาถึง 3% จึงเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ

แล้วในช่วงโค้งสุดท้าย เป้าหมายของพวกเราอยู่ที่ไหน มาดูตัวเลขจากการสำรวจ ปรากฏว่า ขณะนี้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล เขาบอกว่า 35.5% ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร น่าสนใจอย่างยิ่ง ผมเชื่อว่าในใจเขา คนที่ยังไม่ตัดสินใจคิดแบบธรรมชาติ คือ ยังไม่มีใครน่าเลือก ถ้าหากว่าเขายังไม่เลือกใคร แสดงว่าเขามีความสนใจในเรื่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ถ้าเขาได้รับข้อมูลอย่างพวกเราเข้าใจ เพราะฉะนั้นโค้งสุดท้าย การรณรงค์ของพวกเรา เมื่อกินกรุงเทพฯ ไปทั่วแล้ว อย่าลืมสมุทรสาคร นนทบุรี ปทุมธานี ชลบุรี สมุทรปราการ อยุธยา ต้องเอาให้หมด จังหวัดปริมณฑล ผมเชื่อว่า ตัวเลขไม่ประสงค์ลงคะแนนอาจทะลุเป้าเกิน 10% ไปถึง 15% ทำเป็นเล่นไป 35% ที่ยังไม่ตัดสินใจ ผมเชื่อแน่ ไม่มีพรรคไหนทำให้เขาสนใจ เพราะพรรคไหนก็อัปรีย์ไปจัญไรมาทั้งนั้น

เราคุยกันแล้วว่าช่วงโค้งสุดท้ายเราต้องกินหัวเมืองให้ได้ เพราะขบวนโหวตโนไปที่ไหนน่าสนใจเหลือเกิน ที่พวกเราเดินขบวนเป็นแถวยาว สนุกครับ ทำให้พี่น้องได้รับเอกสารข้อมูลข่าวสารไปพร้อมๆ กัน ยืนยันได้เลยว่า หลังจากรณรงค์โหวตโนผ่านมา 1 สัปดาห์ ตัวเลข นอกจากผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนเพิ่มขึ้นแล้ว ตัวเลขผู้บริจาคสนับสนุนกิจกรรมโหวตโน เพิ่มขึ้นพอๆ กับผลของโพล เพราะทุกคนเห็นแล้วว่า การที่พวกเราเสียสละ ร่วมกันทำงานในเรื่องนี้ จะเกิดคุณประโยชน์กับประเทศชาติบ้านเมืองอย่างไร ทำให้คนเหล่านั้นเข้าใจเจตนารมณ์ และเข้าใจเหตุผลเป็นอย่างดีว่า การไม่ประสงค์ลงคะแนน พ่อใหญ่แม่ใหญ่ คุณลุงคุณป้า อย่างงโหวตโน พูดบ่อยๆ คุณยายจำได้เอง เหมือนคุณยายได้ยินเขาพูดว่า โอเค คุณยายยังจำได้ ถามหลานว่า โอเค แปลว่าอะไรลูก โอเค แปลว่า ตกลง รถวิ่งไปตะกร้าหมากยายตก ยายก็บอกว่า ตะกร้าหมากยายโอเค ขอให้รถจอดก่อนตะกร้าหมากยายโอเค ช่วยจอดเก็บตะกร้าหมากยายหน่อย โหวตโน คุณยายฟังบ่อยๆ ลูกหลานพูดให้ฟังบ่อย คือ กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน โหวต แปลว่า ลงคะแนน โน คือ กูไม่เลือกใคร ช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนจะอยู่สุดท้ายของบัตร มีสี่เหลี่ยมขาวๆ ว่างๆ อยู่ นั่นแหละกาตรงนั้นเลยคุณยายถ้าอ่านหนังสือไม่ออก ถ้าใครอ่านออกไม่ต้องห่วง ไม่ประสงค์ลงคะแนนให้กาช่องนี้ ก็กาตรงช่องนั้น นี่คือเรื่องโหวตโน เราพูดจนติดปากจะไม่ให้เราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะเราอยากเป็นนักเรียนอีต้มกับเขาเหมือนกัน

วันนี้ได้ฟังบรรดาดิโอลด์โซเยอร์เนเวอร์ดาย คือ ทหารแก่ไม่มีวันตาย คือทหารถือคติว่า เมื่อได้เป็นทหารแล้วต้องเป็นไปจนวันตาย ความเป็นทหารต้องไม่หมดไปจากจิตวิญญาณของความเป็นทหาร แม้ว่าจะเกษียณอายุราชการไปแล้วก็ตาม เมื่อบ้านเมืองมีศึกสงคราม มีปัญหาที่จะต้องออกมาสู้รบปกป้องดินแดน เอกราช อธิปไตย ประเทศชาติบ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องพึ่งพาชายฉกรรจ์ หรือทหารหาญ ทหารแม้จะปลดเกษียณไปแล้ว เขายังต้องสำนึกในภาระหน้าที่ นี่คือการฝึกฝน อบรมของทหารที่เขาฝึกให้คนเป็นกำลังหลักของชาติบ้านเมืองไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้น ทหารแก่ไม่มีวันตาย ของเรานั้น คือทหารที่ไม่มีวันตายจริงๆ ต้องปรบมือให้ทหารหาญที่มาขึ้นเวทีวันนี้

แต่ของเรายังมีอีกพวก คือ ทหารหนุ่มยังไม่แก่แต่ตายเสียแล้ว ยังอยู่ในราชการ ยังหนุ่ม มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย แต่ตายไปเสียแล้วไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง คงถูกรุ่นพี่สังคยานาไปแล้วว่าเป็นใครที่ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ไม่รู้ว่าบ้านเมืองยามนี้ ทหารควรทำหน้าที่อะไร ประเทศชาติยามนี้ ทหารควรทำหน้าที่อะไร ยังหนุ่ม ยังอยู่ในราชการ แต่ตายไปเสียแล้ว จิตวิญญาณของเขาตายไปเสียแล้ว ที่น่าอัปยศอยู่ตรงนี้

ทุกคนเวลานี้ ที่พวกเรารณรงค์ไม่ประสงค์ลงคะแนน เพราะการเมืองประเทศไทย ระบอบประชาธิปไตยประเทศไทยตายแล้วเช่นกัน นักการเมืองเป็นสัตว์นรกที่พึ่งไม่ได้ ตายไปหมดแล้ว อีกไม่กี่วัน วันที่ 24 มิถุนายน จะครบรอบ 79 ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เรามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณายาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เราเดินบนเส้นทางระบอบประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง แต่ประชาธิปไตยของประเทศไทยยังไปไม่ถึงไหน สุดท้ายระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยล้มเหลว ล่มสลาย ตายไปแล้ว ไม่สามารถเป็นระบอบการปกครองที่นำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง และไม่สามารถสร้างชาติให้ก้าวไปข้างหน้าได้ หรือเป็นมหาอำนาจ หรือเป็นประเทศที่เจริญอยู่ในแนวหน้าของโลกได้ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ มีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เข้มแข็ง เป็นที่รัก ศรัทธาของพี่น้องประชาชน เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน ประชาชนไทยเป็นคนมีความรู้ มีศักยภาพ มีความสามัคคี มีพลัง แต่เนื่องจากเรามีการเมืองล้มเหลว การเมืองที่ตายไปแล้ว และมีผู้นำประเทศที่ล้มเหลว บ้านเมืองและประเทศของเราจึงวนอยู่ในอ่าง และไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่เรายังจมปรักอยู่กับวงจรอุบาทว์ของการเมืองน้ำเน่า

เพราะฉะนั้น วันที่ 24 บุคคลสำคัญที่จะพูดคุยกันเรื่องนี้ ที่หอประชุมเล็ก ธรรมศาสตร์ มี อ.ปราโมทย์ อ.ยินดี พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ ศ.ระพี สาคริก พล.อ.กิตติ รัตนฉายา น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ มีบุคคลสำคัญหลายท่านจะไปพูดกันในวันนั้น เขาจะพูดกันเนื่องในโอกาส รำลึก 79 ปีประชาธิปไตยประเทศไทย ว่าทำไมจึงต้องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือ โหวตโน และโหวตโนจะเป็นหนทางที่จะพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ทำให้ประเทศหลุดพ้นจากหล่มการเมืองที่ล้มเหลว น้ำเน่านี้อย่างไร นั่นประเด็นหนึ่ง

ว่าด้วยการเมืองที่ล้มเหลวนั้นมันล้มเหลวจริงๆ ครับ เพราะการเมืองประเทศไทยวันนี้ พูดกับใครไม่ต้องอธิบายยาก ทุกคนมองเห็นหมด นักการเมือง พรรคการเมืองที่เข้าสู่การเลือกตั้ง ทุกพรรคเหมือนกันหมด คือ เลวพอๆ กัน ไม่มีใครดีกว่าใคร การเลือกตั้งใช้วิธีโกง ซื้อเสียง และใช้เงินซื้ออำนาจ ใช้เงินเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่สำคัญ เหมือนกันหมดทุกพรรค วิธีหาเสียงใช้นโยบายลด แลก แจก แถม เอาเงินงบประมาณมาแจกประชาชน หาเสียงแบบชุ่ยๆ ง่ายๆ ถ้าให้พรรคการเมืองทำแบบนี้ ไม่เกิน 3 ปี ประเทศไทยล้มละลายหมด ถ้าทำตามนโยบายที่เขาหาเสียงในขณะนี้ ไม่ใช่ผมพูดคนเดียว ขนาด ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการสถาบันทีดีอาร์ไอ ยังออกมาพูดเลยว่า นโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ เป็นนโยบายดูถูกเหยียดหยาม เอาประชาชนเป็นทาสทางการเมือง คนที่มีความรู้ยังพูดอย่างนี้ เป็นนโยบายหาเสียงที่ดูถูกประชาชน และเหยียดหยามประชาชน เห็นประชาชนเป็นเพียงข้าทาสและเครื่องมือทางการเมืองเท่านั้น เขาคิดว่าประชาชนที่จะมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เป็นคนโง่ เป็นคนไม่มีการศึกษา จะหลอกลวงด้วยอามิสสินจ้างอย่างไร ประชาชนคงจะไปเลือกเขา ไม่จำเป็นต้องเสนอนโยบายอะไรยาก แจกอันนั้น แจกอันนี้ และเอาเงินงบประมาณของประเทศมาแจก ส่วนเรื่องสำคัญ เรื่องจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประเทศให้ยั่งยืนอย่างไร จะพัฒนาประเทศชาติอย่างไร จะแก้ไขปัญหาการโกงทุจริตคอร์รัปชั่น จะปกป้องเอกราชดินแดนอธิปไตยประเทศอย่างไร จะบริหารประเทศชาติบ้านเมืองด้วยคุณธรรม ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อย่างไร จะบอกว่าผมเป็นคนมีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้ความสามารถเหนือกว่า ขอให้พี่น้องประชาชนไว้วางใจ ไม่มีใครกล้าพูด อย่างเก่งอ้อมแอ้มว่า ถ้าไอ้นั่นชั่วผมก็เลวน้อยกว่า พูดได้แค่นี้ ทั้งที่ความจริงแล้วเลวพอๆ กัน ดีไม่ดีที่บอกเลวน้อยกว่า เลวมากกว่าเขาอีกต่างหาก

เพราะฉะนั้นพรรคการเมือง นักการเมือง สภาผู้แทน พึ่งไม่ได้หมดแล้ว นักการเมืองวันนี้โกง ทุจริตโครงการใหญ่ๆ กินกันเป็นแสนๆ ล้าน พี่น้องครับ นักการเมืองพวกนี้เมื่อโกงแล้วต้องการรักษาระบอบอันนี้ไว้ วิธีการจะรักษาระบอบไว้ทำอย่างไร นักการเมืองทำอย่างไร ตลอดเวลา 79 ปีระบอบประชาธิปไตย ถ้านักการเมืองโกง ทุจริต คอร์รัปชั่น ไม่รักษาผลประโยชน์บ้านเมือง ส่วนใหญ่ถ้าประชาชนไล่ไม่ไปมักจะถูกทหารปฏิวัติ ยึดอำนาจ ไล่นักการเมืองออกไปจากอำนาจ และล้มระบอบรัฐสภาไปชั่วขณะ ก่อนจะมีการร่างรัฐธรรมนูญแล้วกลับมาเลือกตั้งใหม่ จะสลับสับเปลี่ยนอยู่แบบนี้ นักการเมืองมักจะกลัวทหาร และกลัวถูกประชาชนไล่ เวลานี้ไม่กลัวประชาชน เพราะอะไร เพราะคิดว่าสามารถเอาเงินฟาดหัวซื้อประชาชนได้ ในการเลือกตั้ง แล้วพรรคเผาบ้านเผาเมือง สามารถเอาเงินซื้อประชาชนมาเป็นเครื่องมือ เป็นหางเครื่อง เอาเงินจ้าง ส่วนพรรคผลาญประเทศไทย ใช้วิชามาร ใช้นักวิชาการ ใช้สื่อ มอมเมาประชาชนให้หลงเชื่อ ขณะเดียวกัน พรรคผลาญประเทศมีเงินเยอะเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ก็จ้างนักวิชาการ สื่อมวลชน ฟาดหัวสื่อมวลชน และจ้างหัวคะแนน แจกเงินประชาชนเหมือนกัน

ที่เราไปยูเนสโก เราไปยื่นเรื่องขอให้ยูเนสโก และองค์กรมรดกโลก ลบชื่อปราสาทพระวิหาร ออกจากการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรม ประชาชนไปทำเพื่อประโยชน์ชาติบ้านเมือง ปรากฏว่า สื่อมวลชนส่วนใหญ่ไม่ยอมลงภาพ ไม่ลงข่าว แต่พอนักการเมือง วันนี้นั่งเกวียน นั่งรถอีแต๋น ขี้หมา ก็เอามาลง นี่สื่อมวลชนไทย ผมกล้าพูดได้เลยว่า สื่อมวลชนไทยคือสวะ ดีๆ นี่เอง ส่วนใหญ่รับเศษเงินชั่วจากนักการเมือง เวลาหาเสียงเลือกตั้งรับเศษเงิน โดยรับงานโฆษณาหาเสียงช่วยพรรคการเมือง ทำภาพข่าวนักการเมือง ทั้งๆ ที่เป็นภาพขยะแขยง น่ารังเกลียดที่สุด ทีวีบางช่องออกข่าว คุยกับหมา 30 บาทอาบน้ำตลอดปี ออกอยู่นั่นแหละ จะไปทำท่าบ้าๆ บอๆ หาเสียงที่ไหน ออกข่าวให้ เขารู้ว่าคนอ่านข่าวเป็นอะไรกับหมอนั่น ก็เป็นนักกินนักเที่ยว เป็นคู่ขากันมาก่อน และรับจ๊อบมา อาศัยหน้าทีวีหาเสียงให้พรรคพวกตัวเอง เพราะโรงแรมของหมอนั่นเป็นที่เสวยสุขของผู้อ่านข่าวคนนี้ ใครๆ ก็รู้ ดีไม่ดีจัดเด็กให้ด้วย คงได้บัตรอาบน้ำทั้งปี แต่พี่น้องประชาชนที่ดูข่าว ไอ้นี่เล่าข่าวเก่ง ความจริงรู้เบื้องหลัง กำพืด พี่น้องจะรู้ว่า สกปรกครับ นี่คือสื่อมวลชนไทย แต่พูดไปก็กินใจเพื่อนฝูง เพราะผมมีเพื่อนฝูงอยู่ในวงการสื่อเยอะ แต่ผมไม่ได้ว่าพวกคุณที่เป็นเพื่อนผม ผมว่าเจ้าของสื่อที่เห็นแก่เศษเงินของนักการเมืองมากกว่า พวกคุณเลยตกอยู่ในสถานะต้องทำงานเอาใจเจ้าของสื่อ เวลานี้รัฐธรรมนูญเขียนว่า ห้ามเจ้าของสื่อเล่นการเมือง สมัครผู้แทน ส.ส., ส.ว. บอกไม่เล่นการเมืองแบบนั้น อยู่เบื้องหลังนักการเมือง ชักใยรับเงินนักการเมือง รับโฆษณา รับสร้างข่าว สร้างภาพลักษณ์ให้นักการเมืองดีกว่า เพราะรวยจากเศษเงินนักการเมือง ถึงเป็นอย่างนี้บ้านเมือง

นักการเมืองพึ่งไม่ได้ สื่อมวลชนแทนที่จะเป็นที่พึ่งประชาชนก็พึ่งไม่ได้ เมื่อนักการเมืองเลวสามารถซื้อสื่อได้แล้ว ซื่อประชาชนได้แล้วก็ไม่กลัว เราชุมนุมอะไร เคลื่อนไหวเรื่องอะไร สื่อพวกนี้จะคอยเขียนด่า โจมตี บางคนเคยมีอุดมการณ์ นามปากกา เปลวเงินเปลวทอง ตอนนี้เป็นทองคำเปลวไปแล้ว ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่มีอุดมการณ์ ทำตัวเป็นข้าทาสนักการเมือง เมื่อเป็นอย่างนี้ นักการเมือง พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลและมีอำนาจเลยไม่กลัว เหลือที่กลัวอยู่อย่างเดียวคือ ทหาร กลัวทหารปฏิวัติ

ทีนี้นักการเมืองพวกนี้แก้เกมอย่างไร กลัวทหารปฏิวัติ เมื่อโกง ปล้นเงินภาษีเป็นแสนๆ ล้าน ที่เขาทำวิจัยมา ปีหนึ่งเราเสียเงินงบประมาณไปกับการโกง ไม่น้อยกว่า 3-4 แสนล้านต่อปีงบประมาณ ยังไม่รวมการโกงนอกงบประมาณ และการหากินกับภาคเอกชน เงินจำนวนมาก แต่ก่อนโกงไม่มากเลยไม่พอแบ่งปันกัน ตอนนี้กินทีเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน พรรคการเมืองมีกำลัง ทำอย่างไรไม่ให้ทหารปฏิวัติ นี่เป็นปฐมเหตุของการที่ทำให้ มีรัฐมนตรีกลาโหมชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประวิตร เป็นใคร ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง พรรคการเมืองไม่มี เป็นทหารก็เกษียณแล้ว ทำไมทะลึ่งมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมในโควต้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะลูกน้อง พล.อ.ประวิตร ชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. พวกนี้เป็นทหารบูรพาพยัคฆ์ มาด้วยกันถึงเกิดเหตุอุ้มพรรคต่างๆ ไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร

ทีนี้คนที่เป็นต้นคิดในเรื่องนี้ ผมจะพูดความจริงให้ฟังก็แล้วกัน ตอนที่เกิดการปฏิวัติ คมช.ใหม่ๆ ผมเป็นคนบอกคุณสุเทพเองว่า ให้พยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่น้องพันธมิตรฯ กับคุณสนธิ แล้วก็ทหาร พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน พล.อ.สะพรั่ง ใครต่อใคร ผมเข้าใจว่า คุณสุเทพอาจจะยังไม่รู้จัก บางคนเขาไม่รู้จัก แต่ผมรู้จัก ผมอยากพาเขาไปรู้จัก เพื่อถ้าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล หรือการเมืองเดินไปโดยระบอบประชาธิปไตย จะได้กันทหารออกไปอย่ามายุ่งการเมือง ที่ไหนได้ เขาบอกว่า คุณประพันธ์คุณไม่ต้องยุ่ง ทหารเดี๋ยวผมคุยเอง ผมจัดการเอง แสดงว่าถึงเกิดเรื่องอุ้มไปตั้งในค่ายทหาร แสดงว่าระหว่างนั้นเขาต่อสายกับคนพวกนี้เรียบร้อยแล้ว โดยกุศโลบายต่อสายเรียบร้อยนี้ คุณสุเทพคงได้คุยกัยเนวินเรียบร้อยแล้วที่จะเอาพวกนี้แตกออกมาจากพรรคไทยรักไทย โดยจะดึงทหารเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเมือง เป็นอีกพรรคหนึ่งในการมาร่วมรัฐบาล โดยให้โควต้ารัฐมนตรีกลาโหม กับ พล.อ.ประวิตร แล้วใช้อำนาจทหารบีบบังคับพวกนั้นเข้ามา นี่คือแผนทางการเมือง ผมเชื่อแน่ว่า คนที่วางแผนนี้ ถ้าผมมีไม้หน้าสาม ผมตีไม่ผิด ตีกบาลสุเทพกับเนวิน คนที่คิดเรื่องนี้ รับรองผมตีไม่ผิด ฟาดกบาลว่าใครเป็นคนวางแผนเรื่องนี้ ไม่ผิดครับ สองคนนี้แหละ และสมคบกับ ประวิตร, อนุพงษ์ นายทุนใหญ่ที่อยู่ข้างหลังรู้แล้ว ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และกลุ่มยักษ์ใหญ่ 2 กลุ่ม คือ ซีพี กับเบียร์ช้าง ต้องเกี่ยวข้องแน่ ในงานนี้ เพราะหลังจาก พล.อ.อนุพงษ์ เกษียณไปทำงานในค่ายของซีพี

เพราะฉะนั้นวันนี้ การเมืองเขารู้ว่าทหารจะเป็นปัญหา ทักษิณก็รู้ว่าทหารจะเป็นปัญหา ทักษิณก็ต่อสายหาอนุพงษ์ ต่อสายหา ผบ.ทบ.สมัยนั้น เพราะเป็นเพื่อนรุ่น 10 ด้วยกัน เพื่อไม่ให้ทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวในการเคลื่อนไหวเผาบ้านเผาเมือง ทหารจึงนั่งทำตาปริบๆ แล้วไปตั้ง ศอฉ.อยู่ เขาเรียกว่า ศูนย์อำนวยการเฉื่อย ศูนย์อำนวยการเฉย ปล่อยให้ทักษิณกับพวกเผาบ้านเผาเมือง ก่อสงครามกลางเมือง คราวนี้ก็เหมือนกัน ถ้าพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล เขาต่อสายแล้วว่า อย่าปฏิวัติ ถ้าไม่ปฏิวัติเอาเท่าไหร่ เหมือนเพลง ไม่อ้วนเอาเท่าไหร่ ไม่ปฏิวัติเอาเท่าไหร่

ที่ผมพูดผมอยากฝากถึงพี่น้องทหารหาญทุกคน ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ผบ.ทบ.คนนี้ พล.อ.อนุพงษ์, พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประยุทธ์ ทำตัวเช่นเดียวกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เวลานี้ร่วมหัวจมท้ายกับนักการเมืองและหาผลประโยชน์ร่วมกัน เพราะพรรคการเมืองรู้ ถ้าโกงฝ่ายเดียวไม่แบ่งนักเลงใหญ่ เดี๋ยวนักเลงใหญ่ล้มกระดาน เลยต้องกินแบ่ง กูเอาแล้ว มึงเอาแล้ว จัดไว้กองกลางให้นักเลงใหญ่ที่มีปืน นักเลงใหญ่ที่มีปืนไม่เคยเห็นเงินพันล้าน หมื่นล้าน ก็ตาโต สมัยก่อนเป็นเมียทหารนอนนับขวด เป็นเมียตำรวจนอนนับแบงก์ เวลานี้เป็นเมียทหารนอนนับกระสอบเงิน ในชีวิตทหารปลดเกษียณแล้วไม่มีใครเป็น ผบ.ทบ.แล้วมีเงินเป็นพันล้านหมื่นล้าน แต่วันนี้ท่านอาจจะได้เห็นในยุคนี้ ทหารอาจจะมีเงินเป็นพันล้านหมื่นล้าน แต่ก่อนทหารพอนายเกษียณ ผมจำได้สมัย พล.อ.เชษฐา จะเกษียณลูกน้อง สัญญาช่อง 7 เหลือ 7 ปี ต่ออายุสัญญาช่อง 7 ออกไป 20 ปี เพื่ออะไร ไม่รู้เงินจะหล่นทับใครต่อสัญญาช่อง 7 สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ยังไม่หมดสัญญาเลยต่อสัญญาแล้ว 20 ปี ระหว่างนายเกษียณ อย่างน้อยนายจะได้เกษียณไปอย่างมีความสุข นี่วิธีการที่เขาช่วยกัน

แต่วันนี้ยังไม่เกษียณเลยมีเงินเป็นพันๆ ล้านแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้นักการเมืองจึงดึงทหารมาเป็นเครื่องมือ มาเป็นพวก คล้ายๆ กูหมาหางด้วน กูชั่ว กูโกงแล้ว ประชาชนบอกอัปรีย์ไปจัญไรมา ก็เอาพวกนี้ ชายชาติทหาร ติดดาว มาเป็นหมาหางด้วน เป็นอัปรีย์จัญไรร่วมกับนักการเมืองด้วย บ้านเมืองถึงเป็นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่นักการเมืองทำความชั่ว โกงบ้านกินเมือง ขายชาติขายแผ่นดิน เฉยเลยครับ แถมเป็นหัวคะแนนช่วยหาเสียงอีกต่างหาก น่าอายไหม ผมถึงบอกว่า นายทหารในระดับใต้บังคับบัญชาลงไป คุณจะนั่งดูนายคุณเป็นหมาหางด้วน เป็นอัปรีย์ไปจัญไรมา เหมือนสัตว์นรกการเมืองไปด้วยได้อย่างไร คุณทนดูได้อย่างไร เวลานี้ต้นตอของปัญหา ตรงที่ พล.อ.ปรีชา พูด ต้นตอปัญหาชาติวันนี้ นายทหาร ที่เป็นใหญ่เป็นโตทุกวันนี้ ชอบกล่าวหาประชาชนว่า เพราะเหลือง เพราะแดงเป็นต้นตอของปัญหานั้น คุณดูปัญหาแบบสายตาสั้น ไม่อยากประณามว่า โง่อวดฉลาด ทั้งหมดที่เป็นปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ รวมทั้งกองทัพแตกเป็นก๊กเป็นเหล่า ต่อไปนี้ใครอยากเป็น ผบ.ทบ.ต้องวิ่งเต้นกับนักการเมือง ลูบแข้งลูบขานักการเมือง เพราะได้เป็นแล้วรวย สู้แล้วรวยตัวจริงคือพวกนี้ ได้เป็นแล้วรวย ทั้ง ผบ.ตร., ผบ.ทบ.ใครได้เป็นแล้วรวย วันนี้ต้นตอปัญหาไม่ใช่เหลืองไม่ใช่แดง มาจากนักการเมืองสารเลวที่พี่ปรีชาพูด เป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด ที่เกิดขบวนการเสื้อแดง ใครเป็นคนชักใย ใครให้เงิน ใครเป็นท่อน้ำเลี้ยง ใครปลุกระดมให้เผาบ้านเผาเมือง ใครปลุกระดมให้โจมตีสถาบันเบื้องสูง ถ้าไม่ใช่สารเลวนักการเมืองแล้วใครล่ะ นี่คือต้นตอปัญหาชาติมาจากนักการเมืองเลว โกงบ้านกินเมืองก็เลว ครอบงำทหารมาเป็นเครื่องมือ แทรกแซงกระบวนการข้าราชการ ข้าราชการต้องทำตัวเลวเพื่อจะได้ตำแหน่งปลัดกระทรวง อธิบดี วิ่งเต้นกระทรวงมหาดไทยเลวเพราะใครถ้าไม่ใช่นักการเมือง บ้านเมืองที่เป็นอย่างนี้ไม่ใช่ประชาชน กลุ่มคนเสื้อแดงถูกนักการเมืองพวกนี้หลอกลวง ชักใยอยู่ข้างหลัง ทหารที่ตกต่ำอยู่ทุกวันนี้ ถูกพี่น้องประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ทุกวันนี้ เพราะคุณทำตัวแบบไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี คุณก้มหัวให้นักการเมือง คุณอย่าพูดทหารไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ทหารส่วนใหญ่เขาไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองจริง แต่หัวโจกไม่กี่คนตัวดี ยุ่งเกี่ยวการเมือง และหากินกับนักการเมือง พรรคการเมือง

เวลานี้การเมืองเลยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ ใช้ประชาชนแม้กระทั่งเผาบ้านเผาเมือง เผาประเทศตัวเอง เลวขนาดไหน แต่อีกพรรคหนึ่งก็หลอกลวงประชาชน หลอกต้มประชาชน ที่เคยบอกว่า ลุงจำลองพาคนไปตาย คนที่หลอกและพาคนไปตายตัวจริง คือพรรคที่ได้อำนาจ เสวยอำนาจทุกวันนี้ หลอกให้พี่น้องประชาชนมาตาย รวมทั้งหลอกประชาชนภาคใต้มาสู้กับทักษิณ ให้มาตายแทนมัน ที่เต็มออกภาคใต้ก็หลอกพี่น้องประชาชนภาคใต้ แต่ความจริงพี่น้องภาคใต้เกลียดทักษิณอยู่แล้วก็ยุส่ง แล้วแอบอยู่ข้างหลัง พอพี่น้องประชาชนตายไล่ทักษิณไปแล้วก็เข้ามาเสวยอำนาจ เขาเรียกว่า นักการเมืองหลอกประชาชนไปตาย

ทั้งหมดเกิดจากนักการเมืองเป็นต้นเหตุ เมื่อนักการเมือง พรรคการเมืองเป็นต้นเหตุปัญหา เวลานี้กินไปหมดทุกองค์กร ทหารก็ถูกนักการเมืองกิน ตำรวจไม่ต้องพูดถึง กระทรวงมหาดไทยไม่ต้องพูดถึง กระทรวง ทบวง กรม ข้าราชการ พลเรือน ทุกกระทรวงทบวงกรมเป็นขี้ข้านักการเมืองทั้งนั้น ที่ผมพูดอย่างนี้ไม่ได้พูดเพราะดูถูกท่าน และไม่ได้พูดให้ท่านเจ็บใจ ข้าราชการส่วนใหญ่ดี ตำรวจ ทหาร ข้าราชการส่วนใหญ่ดี แต่พวกที่อยากขึ้นมาเป็นผู้บริหาร พวกนี้เลว วิ่งเต้นเข้าหานักการเมืองทั้งนั้น ตำรวจไม่ต้องพูดถึง วันนี้ทหารกำลังจะเป็นแบบข้าราชการ พลเรือน และตำรวจไปแล้ว เพราะส่วนหัวทำตัวให้ลูกน้องเห็นเป็นแบบอย่าง เพราะฉะนั้นการเมืองเลววันนี้กินไปทุกองค์กรของประเทศ ทหารกำลังเสื่อมทุกวัน เพราะถูกการเมืองเลว การเมืองโกงครอบงำ ซื้อดึงมาเป็นพวก ดึงมาเป็นพวกก็หมาหางด้วนร่วมกับเขาแล้ว คุณอยากซื้ออาวุธ เรือดำน้ำ รถถัง เขาจัดงบให้ อยากซื้อไม้ชี้ป่าช้า เขาก็จัดให้ อยากซื้อลูกโป่งลอยตรวจการณ์ เขาก็จัดให้คุณ พอคุณมีแผลแล้วคุณก็หมาหางด้วน คุณก็ต้องเป็นปากเป็นเสียง ด่าประชาชนเหมือนนักการเมือง พูดเหมือนนักการเมือง บ้านเมืองวุ่นวายเพราะพวกเหลืองพวกแดง เพราะสื่อปลุกระดมให้ข้อมูล พูดเหมือนนักการเมือง แสดงว่าคุณสวาปามเศษเงินนักการเมืองเข้าไปแล้วถึงมีจุดยืน ความคิดแบบเดียวกัน ถ้าเขามีจุดยืนเพื่อชาติบ้านเมืองจะไม่พูดอย่างนี้ ทหารที่ดีจะไม่พูดอย่างนี้

เพราะฉะนั้นข้าราชการที่ดี ตำรวจที่ดี ทหารที่ดี ถ้าท่านปล่อยให้ผู้บังคับบัญชาพาท่านไปในลักษณะแบบนี้ท่านต้องเผชิญหน้ากับประชาชน แต่ผมรู้ว่า ข้าราชการส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย เขาเบื่อระบอบนี้ เขาอยากเห็นระบอบราชการที่ซื่อสัตย์ โปร่งใส มีคุณธรรม ใครทำดีมีผลงานควรได้ขั้นเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งไปตามหน้าที่ตามผลงาน แต่ที่เป็นไปไม่ได้ทุกวันนี้เพราะ นักการเมืองเลว ใครวิ่งเต้น ใครรับใช้ ใครช่วยชงโครงการหาเงิน โกง ได้ประโยชน์ สนับสนุนคนนั้นเป็นใหญ่เป็นโต บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นข้าราชการที่ดีไม่สามารถเติบโตขึ้นมามีตำแหน่งใหญ่โตได้

วันนี้ข้าราชการเขียนจดหมายมาถึงผมเหมือนกันว่า เขาจะไปโหวตโน เพราะว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบอบการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ นอกจากนั้น เงินที่ข้าราชการเคยได้เป็นโบนัสประจำปี รัฐบาลนี้ตัดหมด เขาไม่ได้เหมือนเดิม รัฐบาลอื่นไม่ตัด เขาเลยบอกว่า จะถือโอกาสสั่งสอนรัฐบาลนี้ด้วยการร่วมโหวตโนกับพี่น้องประชาชน

ที่ผมพูดวันนี้จะชี้ให้เห็นว่า การเมืองเวลานี้กินประเทศ กินองค์กรต่างๆ เข้าไปหมด รวมทั้งทหาร และดึงทหารมาเป็นพวกโกงด้วยกัน ในที่สุดไม่สามารถแก้ไขปัญหาคนที่จะมาจัดการกับนักการเมืองได้ เพราะนักการเมืองชี้จุดอ่อนได้แล้ว สมมุติถ้ามีนักการเมืองเลวคนหนึ่งอยากคุมกองทัพทำไม่ยาก ซื้อ ผบ.ทบ.เลย พันล้านเอาอยู่ไหม ไม่อยู่เอาไป 2 พันล้าน ไม่อยู่เอาไป 5 พันล้าน ไม่อยู่เอาไปหมื่นล้าน ให้แม่งแบกเงินเซกลับบ้านเลย ทัพเรืออยากซื้อเรือดำน้ำ เอาไปเลย กองทัพอากาศอยากซื้อเครื่องบินอะไรเอาไปเลย รับรองนักการเมืองเป็นเพื่อนรักเลย ประชาชนเป็นศัตรูเขาทันที และเป็นไปแล้ว ผบ.ตร.ก็เหมือนกัน ที่ตั้งไม่ได้ดึงกันไปดึงกันมาถึง 1 ปี กว่าจะลงตัว ก็แบบนี้ละครับพี่น้อง เพราะฉะนั้นวันนี้ นักการเมืองมันฉลาด มันเลวแบบขี้โกง รู้ว่าใครเป็นปัญหาซื้อเลย หลังจากกินองค์กรเหล่านี้เสร็จ เวลานี้เลือกตั้ง กกต.เรื่องขี้หมาเลยครับ พี่น้องจำได้ไหมสมัยทักษิณซื้อยก กกต. 3 หนา 5 ห่วงถึงติดคุก มาวันนี้พี่น้องมั่นใจหรอว่า กกต.จะไม่ถูกยกชุด แล้ว 2.คือ กกต.จังหวัด ทุกจังหวัดคนของนักการเมืองทั้งนั้น จบอีกองค์กรหนึ่ง การเลือกตั้งไม่มีปัญหา

ส่วนองค์กรปกครองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. ประมูลแข่งกัน พรรคไหนซื้อตัวพวกนี้มาเป็นพวกก็ชนะแน่นอน เพราะจ่ายเงินผ่านกลไกพวกนี้ ถ้าใครซื้อไม่ได้ก็ไข้โป้งอย่างที่เห็น เห็นเขาบอกว่ามาเดิน คงจะมาซื้อล็อตเตอรี่ แต่ผมไม่ได้ว่าท่านที่เสียชีวิตนะ แต่ข่าวมีว่า นักการเมืองเดี๋ยวนี้ใช้ล็อตเตอรี่เป็นเครื่องมือ คือ ซื้อล็อตเตอรี่ไปแจกชาวบ้านแทนเงิน พอล็อตเตอรี่ออกแล้วก็เอามาขึ้นเงินได้ ถ้าถูกก็เอาไปเลย แบบนี้ครับ แต่ท่านที่เสียชีวิตผมไม่ได้พูดถึงท่านนะครับ แต่หมายถึงว่า ระบบการซื้อเสียงมีหลายรูปแบบ โอนเงินเข้าบัญชีอีกเรื่อง แต่ซื้อล็อตเตอรี่ไปแจกก็มีเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นวันนี้การเมืองทั้งระบบล้มเหลว กกต.ก็ไม่ไหว ทหารก็ง่อยเปี้ยแล้ว ง่อยเปี้ยเฉพาะส่วนหัวนะ ผมฝากความหวังไว้ส่วนกลาง ส่วนล่างลงมาว่า จะยังมีวิญญาณของความเป็นนักรบ และเป็นทหารหาญของชาติ ที่พี่ปรีชาพูดนี่จริง ว่าเคยส่งคนนั้นไปพูดกับเขา ส่งนายทหารที่เป็นที่เคารพนับถือ เป็นลูกพี่เขา เป็นพี่เลี้ยงเขา ยังไม่ให้พบ ไม่คุยด้วยเลย ก็จบแล้ว พึ่งไม่ได้แล้ว เวลานี้เขาหวังพึ่งทหารที่ยังไม่ตาย ทหารหนุ่มที่ยังไม่ตาย แต่ทหารหนุ่ม ทหารแก่ที่ตายแล้ว ปล่อยไปเถอะ ได้ตายสมใจแน่

กกต.จัดการเลือกตั้งแบบนี้ กกต.หรอ เขาให้ผมมาเป็นกรรมการ ผมก็ได้แต่ดูว่าการเลือกตั้งเป็นอย่างไร ส่วนใครจะซื้อ ใครจะโกง ใครจะฆ่ากันอย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. กกต.เป็นกรรมการจะให้ไปชกกับเขาหรอ เพราะฉะนั้นจะฆ่ากัน จะโกงอย่างไร ก็โกงแข่งกันไปเลย เพราะจับไม่ไหวเพราะโกงกันทั้งนั้นเลย เวลานี้กินไปหมด แล้วกำลังกินไปถึงศาล ศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองกินไปถึงศาลไหม เลขาประธานศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้กลายเป็นผู้ปฏิบัติงาน เป็นดาวไฮปาร์ก ไปขึ้นเวทีร่วมกับคนเสื้อแดง จากเลขานุการศาลรัฐธรรมนูญ เจาะ ซื้อไปถึงศาล ในคดียุบพรรค ศาลเคยถูกซื้อ โดยพยายามเข้าไปซื้อคดียุบพรรค ท่านจรัญ ภักดีธนากุล ม.ล.เกษมสันต์ ไกรฤกษ์ ใครต่อใครออกมาพูด ผู้พิพากษา มีการซื้อทุกกระบวนการ ศาลถึงมีคนแบบ นายอุดม ไม่มีดี

ทั้งหมดนี้ ระบอบการเมืองของประเทศเราเวลานี้ล้มเหลว ทางเลือก ทางออกจะเป็นอย่างไร วันที่ 24 ไปฟังผู้หลักผู้ใหญ่ท่านพูดแล้วกันว่า ท่านจะชี้ทางออกอย่างไร แต่เวลานี้ผู้รู้ทั้งหลายเห็นแล้วว่า การกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ไม่ใช่เพียงกิจกรรมทางการเมือง เป็นทางเลือก และเป็นหนทางที่จะพาประเทศไปสู่อนาคตใหม่ และการเมืองใหม่ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ที่จะก้าวให้พ้นจากวิกฤต เพราะถ้าเราโหวตโนมากๆ จะเป็นการประท้วง ล้มระบอบการเมืองที่สามานย์ด้วยพลังของประชาชน

นักการเมืองที่ล้มเหลว เราต้องมาช่วยกันหยุด ต้องช่วยขุดหลุมฝังศพ จะปล่อยให้เดินหน้าพาชาติไปสู่หายนะต่อไปไม่ได้ เราจะไปเลือกเพื่อสร้างความชอบธรรมให้คนพวกนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ถ้าการเมืองแบบนี้มาอีกมันกินทั้งประเทศ ไม่ใช่เพียงเรื่องที่ผมพูดมานี้เท่านั้น เรื่องชาติก็ไม่สนใจ เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ไม่เอาใจใส่ว่าจะปกป้องอย่างไร ดีแต่พูด เพราะฉะนั้นทั้งหมดผมถึงบอกว่า มาถึงโค้งนี้เป็นโค้งสำคัญของ 10 กว่าวันสุดท้าย ที่เราจะต้องทุ่มเท ออกแรง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ประชาชน 35% ยังไม่ตัดสินใจ เราต้องไปให้ถึงเขา ไปบอกเขาว่า พี่น้องมาช่วยกันทำงานครั้งนี้เพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ประสงค์ลงคะแนน โหวตโนให้มากๆ วันนี้เราก้าวมาถึง 10% แล้วเดินหน้าไปให้ถึง 15% 20% แผ่นดินพลิกแน่ การเมืองเปลี่ยนแน่ และประเทศของเรารอดจากการเมืองน้ำเน่าและวิกฤตนี้อย่างแน่นอน

ตรงนี้มาให้กำลังใจพี่น้อง และทบทวนสรุปทุกสิ่งทุกอย่างที่เราก้าวเดินมา เรากำลังเดินมาในจุดที่ถูกต้องแล้ว เราเดินมาในหนทางที่ดีงามเพื่อบ้านเมือง ไม่มีใครอีกแล้วที่จะเป็นกำลังของบ้านเมือง นอกจากพวกเรา และเรารอคอยบรรดาตำรวจ ทหาร ข้าราชการที่รักชาติ ประชาชน พ่อค้า นักธุรกิจที่รักชาติรักเมือง จะออกมาร่วมกับพวกเราว่า นี่เป็นหนทางสุดท้ายที่เราจะร่วมกันสั่งสอนนักการเมืองร่วมกัน เป็นหนทางที่งดงามที่สุด จึงขอเชิญชวนพี่น้องทุกคน ว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี้ถูกต้อง วันนี้คุยกับพ่อแม่พี่น้องเพียงเท่านี้ วันพรุ่งนี้มีเรื่องอื่นๆ มาคุยอีก อะไรที่พูดไปถ้ากระทบใคร จงพึงสำนึกด้วยว่า ผมต้องพูดเพราะประเทศนี้ต้องพูดและต้องสู้ ถ้าเราไม่พูดความจริง บ้านนี้เมืองนี้จะจมปรักอยู่กับหล่มแห่งความหายนะไม่มีที่สิ้นสุด วันนี้ร้องเพลงไหมครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น