ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – รองอธิบดีกรมการแพทย์ ระบุ ผู้ใช้ยาเสพติดในปัจจุบัน มีแนวโน้มเป็นกลุ่มที่มีอายุน้อยมากขึ้น ช่วงอายุ 15-24 ปี มากสุด เหตุครอบครัวขาดการเอาใจใส่ที่ดีและทัศนคติที่ผิดของวัยรุ่น ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจมีผลทำให้คนหันพึ่งยาเสพติดมากขึ้น เผย 6 เดือนแรกปี 2552 ตั้งเป้านำคนติดยาเสพติดเข้าสู่ระบบการรักษาได้อย่างน้อย 1.2 แสนคนทั่วประเทศ
วันนี้ (2 เม.ย.) นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการ “เวชศาสตร์การเสพติดชนเผ่า ครั้งที่ 2” ของศูนย์บำบัดยาเสพติดแม่ฮ่องสอน ที่จัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทาราดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นบุคลากรด้านการบำบัดยาเสพติดของสถานพยาบาลในเขตพื้นที่สูง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆ อาศัยอยู่ 20 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 150 คน
โดยการประชุมวิชาการครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมและเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์จากผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดในเขตพื้นที่สูง 20 จังหวัด ได้นำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาและปรับใช้ในการทำงานกับผู้ป่วยยาเสพติด ส่งผลให้ผู้ป่วยยาเสพติดมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้ตามปกติสุขไม่กลับไปเสพติดซ้ำ และเกิดเครือข่ายเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงานด้านยาเสพติดในชุมชนพื้นที่สูงต่อไป
รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ยาเสพติดในพื้นที่สูงส่วนใหญ่เป็นฝิ่นที่เดิมมีการใช้และปลูกกันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม สถานการณปัจจุบันถือว่าดีขึ้น เพราะพื้นที่ปลูกลดลงเนื่องจากมีการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน คนที่เสพส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงานและผู้ที่มีอายุ ทั้งนี้แนวทางในการดูแลผู้ที่ติดยาเสพติดในปี 2552 นั้น จะเน้นการดูแลรักษาด้วยระบบสมัครใจและให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแล โดยปฏิบัติกับผู้เสพเหมือนผู้ป่วย ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ตั้งเป้าหมายสามารถนำผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการรักษาแบบสมัครใจได้อย่างน้อย 120,000 คน ทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าผู้ที่ผ่านระบบการรักษาครบกระบวนจำนวน 85% ไม่กลับไม่เสพยาเสพติดอีก
ขณะเดียวกัน นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง กล่าวถึงสถานการณ์ของผู้เสพยาเสพติด ว่า เดิมกลุ่มคนทำงานในช่วงอายุระหว่าง 25-29 ปี เป็นกลุ่มที่เสพยามากที่สุด แต่ปัจจุบันพบว่ากลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่าง 15-24 ปี เพิ่มสูงขึ้นมาก จนมีสัดส่วนถึง 60% ของผู้เสพยาทั้งหมด ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นนักเรียนนักศึกษาและใช้ยาบ้าเป็นส่วนใหญ่ โดยสาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากขาดความเอาใจใส่จากครอบครัวและทัศนคติของกลุ่มวัยรุ่นที่คิดเรื่องวัตถุนิยมเป็นหลัก รวมไปถึงค่านิยมที่ผิดๆ นอกจากนี้ ยังพบว่า ปัจจุบันสัดส่วนของผู้หญิงที่ใช้ยาเสพติดยังเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 20% จากเดิมที่มีประมาณ 5% เท่านั้น พร้อมกันนี้ ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจและการว่างงานยังมีผลให้บางคนหันมาพึ่งยาเสพติดมากขึ้นด้วย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด
วันนี้ (2 เม.ย.) นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการ “เวชศาสตร์การเสพติดชนเผ่า ครั้งที่ 2” ของศูนย์บำบัดยาเสพติดแม่ฮ่องสอน ที่จัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทาราดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นบุคลากรด้านการบำบัดยาเสพติดของสถานพยาบาลในเขตพื้นที่สูง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆ อาศัยอยู่ 20 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 150 คน
โดยการประชุมวิชาการครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมและเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์จากผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดในเขตพื้นที่สูง 20 จังหวัด ได้นำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาและปรับใช้ในการทำงานกับผู้ป่วยยาเสพติด ส่งผลให้ผู้ป่วยยาเสพติดมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้ตามปกติสุขไม่กลับไปเสพติดซ้ำ และเกิดเครือข่ายเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงานด้านยาเสพติดในชุมชนพื้นที่สูงต่อไป
รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ยาเสพติดในพื้นที่สูงส่วนใหญ่เป็นฝิ่นที่เดิมมีการใช้และปลูกกันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม สถานการณปัจจุบันถือว่าดีขึ้น เพราะพื้นที่ปลูกลดลงเนื่องจากมีการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน คนที่เสพส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงานและผู้ที่มีอายุ ทั้งนี้แนวทางในการดูแลผู้ที่ติดยาเสพติดในปี 2552 นั้น จะเน้นการดูแลรักษาด้วยระบบสมัครใจและให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแล โดยปฏิบัติกับผู้เสพเหมือนผู้ป่วย ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ตั้งเป้าหมายสามารถนำผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการรักษาแบบสมัครใจได้อย่างน้อย 120,000 คน ทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าผู้ที่ผ่านระบบการรักษาครบกระบวนจำนวน 85% ไม่กลับไม่เสพยาเสพติดอีก
ขณะเดียวกัน นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง กล่าวถึงสถานการณ์ของผู้เสพยาเสพติด ว่า เดิมกลุ่มคนทำงานในช่วงอายุระหว่าง 25-29 ปี เป็นกลุ่มที่เสพยามากที่สุด แต่ปัจจุบันพบว่ากลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่าง 15-24 ปี เพิ่มสูงขึ้นมาก จนมีสัดส่วนถึง 60% ของผู้เสพยาทั้งหมด ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นนักเรียนนักศึกษาและใช้ยาบ้าเป็นส่วนใหญ่ โดยสาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากขาดความเอาใจใส่จากครอบครัวและทัศนคติของกลุ่มวัยรุ่นที่คิดเรื่องวัตถุนิยมเป็นหลัก รวมไปถึงค่านิยมที่ผิดๆ นอกจากนี้ ยังพบว่า ปัจจุบันสัดส่วนของผู้หญิงที่ใช้ยาเสพติดยังเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 20% จากเดิมที่มีประมาณ 5% เท่านั้น พร้อมกันนี้ ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจและการว่างงานยังมีผลให้บางคนหันมาพึ่งยาเสพติดมากขึ้นด้วย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด
