ปธ.กกต.ระบุ กฎหมายไม่ได้เขียนห้ามซากศพที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองพูดคุยหรือพบปะกัน ย้อนคนคิดถึงกันพบปะกันได้หรือ แต่ขอให้อยู่ในกรอบกฎหมาย ชี้ หาก กกต.ล้ำเส้นกฎหมายก็อาจติดตะรางได้ ย้ำ อย่ามองในแง่ร้าย แนะแก้กฎหมายกำหนดข้อห้ามให้ชัด
วานนี้ (20 ก.พ.) ที่ รร.เซ็นทารา ดวงตะวัน จ.เชียงใหม่ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานเปิดการสัมมนา กกต.จังหวัด จำนวน 17 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ถึงกรณี กกต.ตัดสินยกคำร้องกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินสายขอคะแนนในการจัดตั้งรัฐบาลจาก นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ว่า นักการเมืองบางคนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่เมื่อดูคำพิพากษาเขาไม่ได้ไปห้ามทุกอย่าง ก็ต้องทำตามถ้อยคำในกฎหมาย คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ เขาโดนแค่เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเท่านั้น คือ ไม่สามารถไปเลือกตั้ง หรือลงเลือกตั้งได้ เราต้องไม่มองให้เกิดผลร้ายเกินไป ไม่ใช่ตีความให้เสียสิทธิเสรีภาพในความเป็นประชาชน
ทั้งนี้ ภายหลังการสัมมนา นายอภิชาต ให้สัมภาษณ์ว่า การตัดสินเช่นนี้ เพราะไม่จำกัดอะไรกันมากมาย คนคิดถึงไปหากันไม่ใช่เรื่องต้องไปห้าม ขอแค่ทำให้อยู่ในกรอบกฎหมายก็เป็นใช้ได้ไม่เคยคิดว่าต้องไปจำกัดคนไม่ให้มีเสรีภาพ การแสดงออกทางพูดแสดงความเห็นก็ทำได้
“เรื่อง 111 คน ถ้าดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงการเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเท่านั้น ขณะที่ชีวิตประจำวันใครจะไปคุยกับใครก็ได้ จะคุยการเมือง หรือจะคุยในเรื่องจัดรัฐบาล ก็ไม่มีอะไรไปห้ามและเป็นเสรีภาพ และเรื่องนี้เราก็ได้วินิจฉัยว่า การกระทำอย่างนั้นไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นการช่วยอะไรอย่างไร อย่างนั้นใครจะไปยืนใกล้ใครก็ไม่ได้เลยหรือ” นายอภิชาต กล่าว
เมื่อถามว่า ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งมามีบทบาทในการจัดตั้งรัฐบาล ถือว่าเหมาะสมหรือไม่ ประธาน กกต.กล่าวต่อว่า ถ้าไม่มีกฎหมายห้ามเราก็จะไปทำให้เกิดผลร้ายแก่เขาไม่ได้ แต่การกระทำอะไรต้องให้เหมาะสม อย่าให้ถึงผิดกฎหมาย หากปรากฏว่า ทำผิดเราก็ต้องจัดการ ต้องยึดกฎหมาย ส่วนที่จะมองว่าเป็นบรรทัดฐานต่อไปนั้น ตนเห็นว่า อะไรที่อยู่กลางๆ ก็ใช้ได้ อะไรที่กฎหมายไม่ห้ามก็ทำได้ แต่หากห้ามก็ทำไม่ได้ เช่นการไปตั้งพรรคใหม่
ส่วนที่มองว่า การกระทำดังกล่าวเหมือนผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์ไม่แคร์กฎหมาย และคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่มีความหมาย นายอภิชาตกล่าวว่า หากจะให้เอาผิด ต้องแก้กฎหมายให้รัดกุมกว่านี้จึงจะทำได้ ตราบใดที่ให้ตนไปทำเรื่องที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ตนก็ไม่ทำ อย่าลืมว่าตนก็ติดตะรางได้ และต้องดูว่าทำศาลรัฐธรรมนูญเขียนได้เพียงเท่านั้น และ กกต.เองก็ทำแต่กฎหมายเลือกตั้ง