ศูนย์ข่าวศรีราชา - หัวหน้าสำนักปฏิบัติการเพื่อความมั่นคงชายแดนทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด พร้อมคณะเข้าพบ หัวหน้าสำนักงานเลขานุการ คณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 1 ปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร สู่การบูรณาการ การพัฒนาเพื่อความมั่นคง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.สุมน สุรทิณฑ์ หัวหน้าสำนักปฏิบัติการเพื่อความมั่นคงชายแดนทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมสำนักงานเลขานุการ คณะกรรมการเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 1 ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พล.ร.ต.ทวีป สุขพินิจ หน.สล.พมพ.ทรภ.1 และ เสธ.ทรภ.1 (หัวหน้าสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในระดับพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 1 และเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1)
พล.ร.ต.ทวีป สุขพินิจ เปิดเผยว่า การเข้าที่กองทัพบกเข้าเยี่ยมสำนักงานในวันนี้ สืบเนื่องมาจากรูปแบบการปฏิบัติภารกิจที่เหมือนกัน และมีการติดต่อประสานงานในเรื่องของข้อมูลข่าวสาร เพื่อเสริมและพัฒนาความมั่นคงในพื้นที่รับผิดชอบ และพื้นที่แนวเขตติดต่อชายแดน อีกทั้งยังมีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 1 มี พล.ร.ท.ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธาน และมี ผู้ว่าราชการจังหวัดชายทะเล 12 จังหวัด ตั้งแต่จังหวัดชุมพรถึงจังหวัดตราด รวมถึง เขตปกครองพิเศษเมืองพัทยาอีก 1 แห่ง เป็นคณะกรรมการ
การพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาตินั้น หมายความว่าการพัฒนาที่มุ่งขจัดและแก้ปัญหาในพื้นที่ที่มีปัญหาหรือพื้นที่ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาความมั่นคงขึ้น เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม การควบคุมพืชเสพติดบนพื้นที่สูง พื้นที่ตามชายแดนทั้งทางบกและทางทะเลที่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน อีกทั้งได้มีการปรึกษาหารือกันเรื่องของแผนงานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล เกาะแก่งต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างหลักประกันความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ประชาชนในพื้นที่
ส่วนอีกแผนหนึ่งก็คือ แผนงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (บ้านปลา ปะการัง) เพื่อให้ปะการังมีความสมบูรณ์ซึ่งจะเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำเกิดเป็นแหล่งนิเวศทางธรรมชาติและสามารถพัฒนาศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการเรียนรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ถึงแม้ว่าแหล่งท่องเที่ยวจะมีเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร คอยดูแลช่วยเหลือจำนวนมาก แต่ถ้าบุคลากรเหล่านี้ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ในการช่วยเหลือก็ไม่สามารถจะเรียกศรัทธาหรือความไว้วางใจจากนักท่องเที่ยวได้ จะต้องร่วมกับเจ้าของพื้นที่บูรณาการร่วมกันในการฝึก อบรมเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ท้ายสุดได้กล่าวอีกว่า สำหรับเมืองพัทยาซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่รู้จักกันทั่วโลก จำเป็นต้องให้ความสนใจเป็นกรณีพิเศษ ที่ผ่านมาทัพเรือภาคที่ 1 ได้ร่วมกับเมืองพัทยาทำการฝึกการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเลที่แหลมมาลีฮาย และที่เกาะล้าน ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จะนำข่าวสารนี้ไปบอกต่อๆ กัน ผลที่ได้รับก็คือความมั่นใจในความปลอดภัยเมื่อมาเที่ยวชายหาดทรายทะเลไทย
