“พีระพันธุ์” มอบนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จัดชุดปราบปรามทหาร-ตำรวจ-ป.ป.ส.132 ชุด เน้นปราบผู้ค้าและเครือข่าย สั่งราชทัณฑ์เปิดเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ทุกเรือนจำสกัดผู้ต้องขังสั่งซื้อขายยาเสพติดจากในเรือนจำ
วันนี้ (1 เม.ย.) ที่สโมสรทหารบก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม โดยสนธิกำลังทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมจัดชุดปฏิบัติการ
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดในปัจจุบันได้ยกระดับให้เป็นปัญหาความมั่นคงของชาติ ซึ่งพบว่า มีการแพร่ระบาดและมีการค้ามากในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ถึงร้อยละ 36 รวมทั้งปัจจัยจากวิกฤติเศรษฐกิจ และปัญหาสังคมที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ปัญหายาเสพติดในกรุงเทพฯ กลับมารุนแรงมากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลได้จัดชุดปฏิบัติการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 132 ชุด เพื่อเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ชุมชนและเป้าหมายนักค้ายาเสพติด ซึ่งวันนี้ (1เม.ย.) ได้มอบรายละเอียดของนักค้าแต่ละกลุ่มให้กับแต่ละชุดปฏิบัติการเพื่อดำเนินการจับกุม เน้นเป้าหมายไปที่ผู้ค้าและเครือข่ายยาเสพติด ทั้งนี้ จะไม่มีการตั้งเป้าจับกุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการฆ่าตัดตอนตามมา ซึ่งขอเน้นย้ำว่าเป้าหมายการแก้ปัญหายาเสพติดที่แท้จริงนั้นคือการทำงานทั้งป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า พื้นที่อันตรายของปัญหายาเสพติดอีกส่วน คือ เครือข่ายในเรือนจำ ซึ่งหลายเรือนจำเป็นแหล่งควบคุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่นำไปรวมกันอยู่ ทำให้เกิดปัญหาการสั่งซื้อยาเสพติดจากในเรือนจำ โดยขณะนี้ได้ประสานกับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพื่อสั่งเปิดเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ในเรือนจำทุกแห่งไม่ให้ผู้ต้องขังลักลอบใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการสั่งซื้อยาเสพติดได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้กรมราชทัณฑ์เคยติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์แล้ว แต่มีผู้แจ้งว่ารบกวนสัญญาณโทรศัพท์บ้านเรือนภายนอก แต่เครื่องดักฟังโทรศัพท์ที่กรมราชทัณฑ์มีใช้อยู่ในปัจจุบันยังถือว่าไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ได้ตั้งชุดตรวจค้นจากทหารและตำรวจเข้าไปตรวจค้นยาเสพติดในเรือนจำอย่างสม่ำเสมอด้วย
สำหรับนักค้ายาเสพติดที่ ป.ป.ส.ส่งสัญญาณให้เข้าปฏิบัติการ มีผู้ค้ายาเสพติดในกรุงเทพฯที่อยู่ในบัญชียังไม่ถูกจับกุม 815 ราย ผู้เสพ 420 ราย และผู้ที่เคยผ่านการบำบัดต้องเฝ้าระวังอาจกลับไปค้ายาเสพติดอีก 8,000 ราย โดยพื้นที่กรุงเทพฯ มี 354 ชุมชนที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรง ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งกำหนดแผนปฏิบัติการในการขจัดยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯให้เห็นผลตั้งแต่ 1 เม.ย.-30 ก.ย.นี้
วันนี้ (1 เม.ย.) ที่สโมสรทหารบก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม โดยสนธิกำลังทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมจัดชุดปฏิบัติการ
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดในปัจจุบันได้ยกระดับให้เป็นปัญหาความมั่นคงของชาติ ซึ่งพบว่า มีการแพร่ระบาดและมีการค้ามากในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ถึงร้อยละ 36 รวมทั้งปัจจัยจากวิกฤติเศรษฐกิจ และปัญหาสังคมที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ปัญหายาเสพติดในกรุงเทพฯ กลับมารุนแรงมากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลได้จัดชุดปฏิบัติการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 132 ชุด เพื่อเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ชุมชนและเป้าหมายนักค้ายาเสพติด ซึ่งวันนี้ (1เม.ย.) ได้มอบรายละเอียดของนักค้าแต่ละกลุ่มให้กับแต่ละชุดปฏิบัติการเพื่อดำเนินการจับกุม เน้นเป้าหมายไปที่ผู้ค้าและเครือข่ายยาเสพติด ทั้งนี้ จะไม่มีการตั้งเป้าจับกุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการฆ่าตัดตอนตามมา ซึ่งขอเน้นย้ำว่าเป้าหมายการแก้ปัญหายาเสพติดที่แท้จริงนั้นคือการทำงานทั้งป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า พื้นที่อันตรายของปัญหายาเสพติดอีกส่วน คือ เครือข่ายในเรือนจำ ซึ่งหลายเรือนจำเป็นแหล่งควบคุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่นำไปรวมกันอยู่ ทำให้เกิดปัญหาการสั่งซื้อยาเสพติดจากในเรือนจำ โดยขณะนี้ได้ประสานกับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพื่อสั่งเปิดเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ในเรือนจำทุกแห่งไม่ให้ผู้ต้องขังลักลอบใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการสั่งซื้อยาเสพติดได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้กรมราชทัณฑ์เคยติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์แล้ว แต่มีผู้แจ้งว่ารบกวนสัญญาณโทรศัพท์บ้านเรือนภายนอก แต่เครื่องดักฟังโทรศัพท์ที่กรมราชทัณฑ์มีใช้อยู่ในปัจจุบันยังถือว่าไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ได้ตั้งชุดตรวจค้นจากทหารและตำรวจเข้าไปตรวจค้นยาเสพติดในเรือนจำอย่างสม่ำเสมอด้วย
สำหรับนักค้ายาเสพติดที่ ป.ป.ส.ส่งสัญญาณให้เข้าปฏิบัติการ มีผู้ค้ายาเสพติดในกรุงเทพฯที่อยู่ในบัญชียังไม่ถูกจับกุม 815 ราย ผู้เสพ 420 ราย และผู้ที่เคยผ่านการบำบัดต้องเฝ้าระวังอาจกลับไปค้ายาเสพติดอีก 8,000 ราย โดยพื้นที่กรุงเทพฯ มี 354 ชุมชนที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรง ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งกำหนดแผนปฏิบัติการในการขจัดยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯให้เห็นผลตั้งแต่ 1 เม.ย.-30 ก.ย.นี้
