“ไชยวัฒน์” จี้ฝ่ายความมั่นคงทำงานสกัดเสื้อแดงป่วนชาติ เผยข่าวเชิงลึก 26-27 มี.ค.หากมีคนร่วมถึง 3 แสน ฉวยโอกาสล้มการปกครองแน่ ระบุตั้งกองกำลังสะสมอาวุธไว้แล้ว 100 คน จากกลุ่มฮาร์ดคอร์ในภาคเหนือ-อีสาน ติงผู้นำเหล่าทัพมัวพูดแบบนักการเมือง ไม่พูดสไตล์ทหาร
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำสมัชชาประชาชนภาคอีสาน กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีในต่างประเทศ ได้ปราศรัยกับกลุ่มคนเสื้อผ่านวิดีโอลิงก์โดยพาดพิงบุคคลต่างๆ ว่า ฟังแล้วคิดว่าเหตุการณ์ต้องบานปลายแน่ เพราะมีการเอ่ยถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคน
นายไชยวัฒน์กล่าวต่อว่า จากเท่าที่ฟังดูแล้วข้อมูลเชิงลึกตอนที่ชุมนุมก่อนที่จะเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย. ไม่ตรงกับข้อมูลที่ได้มา แต่เมื่อมีการพาดพิงไปถึง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ก็ถือว่า พล.อ.พัลลภเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ตนเช็คจากหลายแหล่งก็เป็นในทำนองนั้น แต่ถ้าไปโยงกับสิ่งที่ พล.อ.สนธิ บุญรัตนกลินระบุมาว่าการทำรัฐประหารคุยกับใครบ้าง ก็ไปคนละเรื่อง
“รัฐบาลไม่ดำเนินการปัญหาความมั่นคงอย่างหนักแน่นเท่าที่ควร และไปอยู่ในมือคนไม่มีคน เพราะปัญหาบ้านเมืองหนักมากและต้องใช้กลไกความมั่นคง ผมจึงเรียกร้องให้สภาความมั่นคงทำงาน แต่วันนี้ไม่ได้ทำ และการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณกับกลุ่มเสื้อแดงต่อกัน ซึ่งก็ได้ชี้นำพรรคเพื่อไทยที่มีอำนาจนิติบัญญัติบ้างในสภา และถ้ามองในทฤษฎีการล้มล้างการปกครองที่มี 3 องค์ประกอบ 1.กองกำลังส่วนตัวก็คือกลุ่มเสื้อแดง 2.พรรคการเมือง 3.แนวร่วมซึ่งไม่รู้ว่ามีใครบ้าง ทั้งผู้นำเหล่าทัพ หรือตำรวจ ถ้ามี 3 องค์ประกอบครบก็พร้อมที่จะเปลี่ยนการปกครองบ้านได้ตลอดเวลา
มีข่าวเจาะลึกมาถึงผม มีการยืนยันว่าวันที่ 26-27 ถ้ามีคนมาร่วมชุมนุมมากว่า 3-4 แสนอาจจะมีการลักไก่โค่นล้มการปกครองได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาท และมีข้อมูลว่ามีการซ่องสุมอาวุธประมาณ 100 คน กองกำลังฮาร์ดคอร์ในภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานในจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งอาจจะมีการลักไก่ว่าได้ว่ากระจายการชุมนุมทั่วกรุงเทพฯ เพราะรัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาความมั่นคงไปแก้แต่ปัญหาเศรษฐกิจ”
นายไชยวัฒน์กล่าวต่อว่า ตามข้อมูลที่ได้มาเสื้อแดงมีศักยภาพมากถึงขนาดระดมเงิน ต้องยอมรับว่าในกลุ่มเสื้อแดงก็มีแคลงใจกันอยู่หลายเรื่อง วันนี้มีเงินโอนเข้ามาแล้ว แต่เมื่อรอบก่อนมีการเบี้ยวเงิน แต่รอบนี้เมื่อเงินมาก็รวมสามัคคีกันได้อีก ตรงนี้คือประเด็น ถ้าวันที่ 26 มีกลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุมกัน
เมื่อถามว่า มองว่ามีโอกาสเกิดเหตุรุนแรงมากกว่าวันที่ 7 ต.ค. นายไชยวัฒน์กล่าวว่า จากประสบการณ์ผู้มีอำนาจคิดผิวเผินเกินไป ยิ่งคนที่อยู่ในเครื่องแบบทหารที่ออกมาพูดแบบนักการเมือง ทหารต้องพูดสไตล์ทหาร
เมื่อถามว่า ทุกฝ่ายจะกังวลไหมว่าจะมีการปฏิบัติ 2 มาตรฐาน และจะมีการเปรียบเทียบเสื้อแดงกับเสื้อเหลือง นายไชยวัฒน์ กล่าวว่าบ้านเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตย หลักการสิทธิเสรีภาพต้องอยู่ภายใต้กรอบเจตนารมณ์ที่บริสุทธิ์ แต่นี้ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อป่วนบ้านเมืองปล่อยได้ไง
“วันนี้ผมไม่เชื่อรัฐบาลเพราะข้อมูลที่ผมได้เป็นอีกอย่างหนึ่ง แล้วที่กลุ่มเสื้อแดงปาไข่ แล้วนายกรัฐมนตรีออกมาพูดว่าเป็นสิทธิเสรีภาพนั้น มันไม่ใช่ มันเป็นการประทุษร้ายต่อร่างกาย ผิดประมวลกฎหมายอาญา บ้านเมืองตอนนี้ไม่มีขื่อไม่มีแป ที่บอกว่าเสื้อแดงเป็นพลังบริสุทธิ์ประชาธิปไตย แต่ผมว่าเป็นกองกำลังอันธพาล ใช้ข้อมูลใช้ลีลาในการพูดให้คนหลงเชื่อ ซึ่งผิดในการแสดงออกที่ต่อหลักการสิทธิเสรีภาพขัดของการปกครองระบอบประชาธิปไตย”
นายไชยวัฒน์ย้ำว่า การปกครองบ้านเมืองมีเป้าหมาย 2 เรื่องคือ 1.ปกครองบ้านเมืองเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศ ความมั่นคงมาก่อน 2.ปกครองเพื่อความเป็นธรรมในมวลหมู่พี่น้องประชาชน แต่รัฐบาลปกครองบ้านเมืองเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ
“ผมขอฟันธงว่าถ้าในการชุมนุมวันที่ 26 ถ้ามีผู้ชุมนุมไม่เข้าเป้าก็จะสลายตัว แล้วก็ว่ากันใหม่ ถ้าคนมาชุมนุมเกินกว่า 2 แสนคนเขาเอาโมเดลดึงมวลชน ซึ่งตอนนี้เงินก็พร้อมแล้ว” นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า
เมื่อถามว่า ประเทศไทยจะมีการสลายสีเหลือง-สีแดง แล้วกลับมารวมกันได้หรือไม่ นายไชยวัฒน์กล่าวว่า อย่าไปเหนื่อยเลย สมัยเหมาเจ๋อตงปลดแอก เหนื่อยกว่านี้เยอะ กว่าคนจีนจะสมานฉันท์ได้ คนเราถ้าจะจับมือกันได้ ความเป็นธรรมและความจริงต้องมาก่อน แต่ว่าความเป็นธรรมไม่ใช่แปลว่าตั้งข้อกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่ง และต้องตั้งกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่ง ตรงนี้ไม่ใช่ คือต้องไปถึงความจริงสอดรับการปกครองว่า ฝ่ายไหนทำผิดหลักการปกครอง ไม่ใช่ใจดีทั้งที่รู้ว่าฝ่ายนี้ทำเพื่อล้มล้างการปกครอง ฝ่ายหนึ่งทำเพื่อปกป้องบ้านเมือง
“จะต้องดำเนินการให้เท่าเทียมกัน มันผิวเผิน มันน่าหัวเราะ ถ้ายิ่งทำอย่างนี้ยิ่งแตกความสามัคคี ต้องใช้คำว่าต้องเข้าถึงสัจธรรมในความจริง พี่น้องคนไทยที่ใจเป็นธรรมจะรับได้ แต่วันนี้ทำเหมือนว่าจับฝ่ายนี้ก็ต้องจับอีกฝ่ายหนึ่งเหมือนกับเล่นละคร” นายไชยวัฒน์กล่าว