พิจิตร - ผู้ว่าฯ พิจิตร พาผู้นำท้องถิ่นและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดูการขุดเจาะดูดน้ำมันดิบใต้ดินที่จังหวัดเพชรบูรณ์ บริษัทเจาะน้ำมันเตรียมเข้าสำรวจพลังงานธรรมชาติใต้ดินในพื้นที่ของ อปท.พิจิตร 19 แห่ง หากเจอน้ำมันท้องถิ่นเตรียมเก็บค่าภาคหลวงบำรุงท้องที่อู้ฟู้
เมื่อเร็วๆ นี้ นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรได้พาผู้นำท้องถิ่นและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเดินทางไปดูการเจาะดูดน้ำมันดิบใต้ดินของบริษัทชาวต่างชาติจากประเทศออสเตรเลีย ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานพลังงานแห่งชาติและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรม และท้องถิ่นของอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อให้ทำการขุดเจาะดูดน้ำมันดิบจากใต้ดินมาเป็นพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยทำการกลั่นเป็นน้ำมันชนิดต่างๆ
ซึ่งพบว่า จังหวัดเพชรบูรณ์มีบ่อน้ำมันแล้ว 8 หลุม ที่สามารถดูดเอาน้ำมันดิบมาใช้ประโยชน์และจ่ายค่าภาคหลวงให้กับท้องถิ่นที่ตั้งบ่อเจาะน้ำมัน โดยค่าภาคหลวงที่จัดเก็บคำนวณจากปริมาณน้ำมันดิบที่สูบขึ้นมาจากใต้ดิน โดยแบ่งรายได้ 50% เป็นของท้องถิ่น ซึ่งตั้งบ่อขุดเจาะน้ำมันดิบส่วนที่เหลืออีก 50% เพื่อเป็นรายได้ของประเทศที่จัดสรรแจกจ่ายไปยัง อบจ. และรัฐบาล
ส่วนจังหวัดพิจิตรขณะนี้ บริษัท CARNARVON THAILAND LTD ได้ประสานงานมายังจังหวัดพิจิตรว่าจะขอเข้าสำรวจในเขตพื้นที่อำเภอโพธิ์ประช้าง ได้แก่ ต.เนินสว่าง ต.ทุ่งใหญ่ ต.ดงเสือเหลือง ต.ไผ่ท่าโพ ต.ไผ่รอบ ต.โพธิ์ประทับช้าง อำเภอตะพานหิน ได้แก่ ต.วังสำโรง อำเภอบึงนาราง
ได้แก่ ต.แหลมรัง ต.บึงนาราง ต.บางลาย ต.ห้วยแก้ว ต.โพธิ์ไทรงาม อำเภอโพทะเล ได้แก่ ต.ท้ายน้ำ ต.วัดขวาง ต.โพทะเล ต.ทะนง ต.บ้านน้อย ต.ท่าขมิ้น ต.บางคลาน ต.ท่าเสา ต.ท่านั่ง รวมพื้นที่ที่บริษัทจะเข้าสำรวจ 19 แห่ง ซึ่งถ้าพบบริษัทขุดเจาะน้ำมันก็อาจเลือกที่ใดที่หนึ่ง ที่สะดวกที่สุดตั้งแท่นขุดเจาะสูบน้ำมันดิบจากใต้ดินก็จะทำให้ อบต. นั้น ๆ ได้รับค่าภาคหลวงอย่างมหาศาล อีกทั้ง ในช่วงที่มีการสำรวจ ก็จะมีการจ้างแรงงาน เกือบ 200 คน
สำหรับการสำรวจนี้ได้มีการศึกษาแล้วว่าไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือน้ำบาดาลใต้ดินแต่อย่างใด เพราะจะเจาะลงไปใต้ดินลึกกว่า 1,000 เมตร เพื่อหาค่าแรงสั่นสะเทือนสะท้อนกลับมาอ่านค่าปริมาตรน้ำมันใต้ดินและถ้าเจอก็สามารถตั้งแท่นเจาะห่างจากจุดที่เจอ ได้มากกว่า 1 กิโลเมตร แล้วใช้ระบบท่อค้นหาใต้ดินสูบน้ำมันขึ้นมา จึงไม่มีผลต่อราคาที่ดินเหมือนอย่างการทำอุตสาหกรรมอื่น ๆ มีเพียงค่าภาคหลวงเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มปฏิบัติการหลังสงกรานต์ แต่ช่วงก่อนสงกรานต์อาจจะมีหน่วยวิศวกรชาวต่างชาติเข้าไปในพื้นที่ เพื่อส่องกล้องดูแนวระดับการเดินสำรวจเท่านั้น จึงขอให้ประชาชนช่วยกันลุ้นว่า อบต.ใดจะเป็นผู้โชคดีเป็นที่ตั้งของแท่นเจาะดูดน้ำมันดิบใต้ดิน เพราะถ้าที่ใดได้เป็นที่ตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบก็จะได้ค่าภาคหลวงสู่ท้องถิ่นนั้นๆ อีกด้วย ดังนั้น จึงถือว่าท้องถิ่นต่างๆ ต้องมีหน้าที่สนับสนุนโครงการดังกล่าวให้สำเร็จลุล่วงเพื่อการพัฒนาด้านพลังงานแห่งชาติต่อไป