ศูนย์ข่าวศรีราชา - เปิดแผนเสื้อแดง รอเวลายกพลเข้ากรุง ป่วนรัฐบาล"มาร์ค" พร้อมวางคนรองรับเลือกตั้งล่วงหน้า พบโยงใยนัวเนีย นักการเมืองดังส่งเสบียงส่งกำลังหนุน แฉตัวตน"วีระ มุสิกพงศ์" อ้างเป็นนักประชาธิปไตยเกลียดปฏิวัติ ที่แท้เคยร่วมมือกลุ่มทหารยึดอำนาจ แต่ไม่สำเร็จ ถูกจับติดคุกข้อหากบฏ คาดสถานการณ์ ปชป.ถูกโดดเดี่ยว เหมือนปี 2519 ก่อนเกิด 6 ตุลาฯ เพราะไม่เอามวลชน ผลักมิตรให้อยู่นิ่งเฉย หรือเห็นเป็นศัตรู
การชุมนุมเสื้อแดงประมาณ 1 หมื่นคนที่จันทบุรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มเสื้อแดงเกิดความฮึกเหิมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินจำนวนมาก จัดตั้งโต๊ะจีนเลี้ยงพลพรรค 400 โต๊ะ อ้างว่าหาเงินบริจาค แท้จริงก็คือการจัดโต๊ะเลี้ยงเองจ่ายเงินเอง แสดงให้เห็นถึงท่อน้ำเลี้ยงเม็ดเงินที่ไหลจากนอกประเทศเข้ามา รวมทั้งท่อน้ำเลี้ยงในประเทศ จากกระบวนการคนหน้าเหลี่ยม ซึ่งประกาศสู้ตาย ถ่ายทอดสดการจัดงานผ่าน "ดี-สเตชั่น" พร้อมวัตถุประสงค์มีนัยแฝงเร้นอยู่ เพื่อให้เกิดความวุ่นวายสร้างอำนาจต่อรองทางการเมืองและอาจนำไปสู่สงครามประชาชนตามเป้าหมายของแกนนำคนเสื้อแดง
เมื่อเสื้อแดงที่มาจากที่ต่างๆ หลายจังหวัดด้วยระบบจัดตั้งมีแกนนำหลักเป็นผู้นำพา คนหน้าเหลี่ยมจึงโฟนอินมาจากนอกประเทศ เพื่อทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผ่านแกนหลักคือนายวีระ มุสิกพงศ์ นักปราศรัยบนเวที ซึ่งเป็นพิธีกรถามตอบกับคนหน้าเหลี่ยม
นายวีระนั้น เคยเป้นนักการเมืองผู้รุ่งเรือง เป็นถึงอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อตกอับทางการเมืองและทางการเงินจึงหันมาเป็นทาสรับใช้คนหน้าเหลี่ยม
นายวีระ ถูกธนาคารกสิกรไทย ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง ขอให้ลูกหนี้ล้มละลาย ศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของนายวีระ ลูกหนี้เด็ดขาดตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483
นายวีระเป็นคนอำเภอระโนด จ.สงขลา เคยเป็นผู้สื่อข่าวสยามรัฐ ต่อมาเล่นการเมืองลงสมัคร ส.ส.สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ปี 2518
แต่ชีวิตหักเหมากขึ้นหลัง 6 ตุลาคม 2519 ขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีต ส.ส.ร่วมพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยใน"รัฐบาลหอย"ของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร นายวีระซึ่งคบหากับ พ.ท.สนั่น ขจรประศาสน์ นายทหารคนสนิทของพลเอกฉลาด หิรัญศิริ ในขณะนั้น ได้เข้าร่วมขบวนการยึดอำนาจ ที่มีพลเอกฉลาด หิรัญศิริ เป็นหัวหน้าคณะก่อการขึ้นด้วยการยกกำลังทหารมาจากจังหวัดกาญจนบุรี วันที่ 26 มีนาคม 2520 แต่การยึดอำนาจไม่สำเร็จกลายเป็นปฏิวัติคุด นายวีระ มุสิกพงษ์ ถูกจับกุมคุมขังในข้อหาเป็นกบฏ
เมื่อพ้นโทษออกมา นายวีระเล่นการเมืองต่อ จนได้เป็นเลขาพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2529 ขณะนายพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรค ต่อมามีการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่งปี 2531 เพราะคะนองปากระหว่างปราศรัยหาเสียงช่วยลูกพรรคที่ จ.บุรีรัมย์ ได้กล่าวถ้อยคำปราศรัยพาดพิงถึงเบื้องสูง จึงถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นคดีซึ่งศาลพิพากษาจำคุก 2 กระทง กระทงละ 2 ปี ถูกจองจำอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์
ต่อมา พล.ต.อ.ประจวบ สุนทรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือเสนอขอพระราชทานอภัยโทษ และพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีก็ลงนามตามหนังสือนั้น นายวีระจึงได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมาเป็นอิสระอีกครั้ง
ก่อนหน้านั้น ระหว่างที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2523(ต่อจากรัฐบาลของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์) นายวีระได้รับความเมตตาแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการหลายกระทรวง เพราะเป็นคนสงขลาด้วยกัน อาจจะกล่าวได้ว่า สมัยนั้นยุคนั้น นายวีระ มุสิกพงษ์ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ซึ่งเป็นชาวภาคใต้ที่พลเอกเปรมให้ความเอ็นดู มีชีวิตรุ่งเรืองทางการเมืองทั้งคู่ ภาษาชาวบ้านเรียกขานกันว่าเป็นกลุ่มลูกป๋ามาก่อน
ต่อมานายวีระแตกกับพรรคประชาธิปัตย์ แยกตัวเองออกมาเรียกชื่อว่ากลุ่ม 10 มกรา ไปอยู่กับนายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ ตรงจุดนี้เป็นจุดหักเหที่ พ.ท.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งติดคุกติดตะรางข้อหากบฏมาด้วยกัน ได้เข้ามาเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์แทน
นายวีระ แต่งงานกับ น.ส.ศรีวิไล ประสุตานนท์ นางเอกละครเรื่องเจ้าหญิงแสนหวี ปัจจุบันนางศรีวิไล มุสิกพงษ์ ไปพำนักอยู่ที่ประเทศอังกฤษทำร้านอาหารอยู่กับลูกๆ
ส่วนนายวีระ ผู้รักประชาธิปไตยฉบับหน้าเหลี่ยม อดีตนักการเมือง อดีตกบฏ และอดีตนักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็ยังคงรับใช้หน้าเหลี่ยม เป็นพิธีกรบนเวทีเสื้อแดง เป็นแกนหลักคอยรับโทรศัพท์โฟนอินจากนายใหญ่ ดังที่ปรากฏตามเวทีสีแดงเป็นประจำ
นี่..เป็นที่มาของนายวีระ มุสิกพงษ์ อดีตนักการเมืองหนุ่มน้ำดีในอดีตเพียงเสิ้ยวส่วนเดียว จากคนที่เคยยิ่งใหญ่เป็นถึงเลขาฯ พรรคประชาธิปัตย์ แต่กลับไปร่วมกับทหารคณะหนึ่งทำการปฎิวัติคุดถูกจับกุมคุมขัง ติดคุกติดตะราง เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนายสมัคร สุนทรเวช มาโดยตลอด ถึงขั้นเขียนหนังสือ พิมพ์พ็อกเก็ตบุ๊กด่าทอกันเป็นที่รับรู้ของสังคมโดยทั่วไป ถึงขนาดสร้างหนังด่านายสมัครก็เคยทำมาแล้ว เรียกว่าตายก็ไม่ไปเผาผีกัน
แต่สุดท้ายชีวิตทางการเมืองที่เหลืออยู่ไม่มากนัก หันกลับมารับใช้เป็นทาสหน้าเหลี่ยม ผู้ทำร้ายแผ่นดินเกิดได้ แบบไม่เหลือร่องรอยนักประชาธิปไตย นักปราศรัยปากกล้าผู้อาสาเข้ามาทำงานการเมืองกับประชาชนให้ได้เห็นแต่ประการใด
นอกจากนายวีระแล้วบนเวทีปราศรัยการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงจันทบุรี ก็ยังมีเรื่องที่ไม่ธรรมดา นั่นคือการปรากฏตัวของ นายประวัฒน์ อุตตะโมต อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย กล่าวปราศรัยบนเวทีด้วย นายประวัฒน์ เป็นบุตรชายนายประกิต อุตตะโมต (ปัจจุบันเสียชีวิต) อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทยฝ่ายกิจการพิเศษดูแลภาคใต้ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ระยองและชลบุรี นายประกิตระหว่างมีชีวิตรับราชการอยู่ เป็นที่นับถือของผู้มากบารมีวงการนักเลงต่างจังหวัดด้วยรวมทั้งพ่อค้าพลอยจันทบุรีเพราะเป็นผู้ที่ชอบช่วยเหลือผู้คน
นายประกิต เป็นชาวจันทบุรีโดยกำเนิด เกิดที่อำเภอท่าใหม่ ซึ่งนักการเมืองพื้นที่ปัจจุบันทั้งสภาเล็กสภาใหญ่ ทั้งนักการเมืองที่เป็น อดีตส.ส.และส.ส.ปัจจุบันล้วนเป็นลูกน้องเก่านายประกิต อุตตะโมต เป็นส่วนใหญ่
นายประวัฒน์ จากประเทศไปศึกษาหาความรู้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จบปริญญาเอกมีความสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นางพจมาน ชินวัตร และ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ซึ่งไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาเช่นกัน นายประวัฒน์ อยู่อเมริกาช่วงปี 2517 จนถึงปี 2527 ก่อนจะกลับมาเมืองไทย นายประวัฒน์ เป็นผู้มีฐานคะแนนเสียงหนาแน่นคนหนึ่งในจังหวัดนี้ เคยเป็น ส.ส.สังกัดมาหลายพรรคการเมือง การขึ้นเวทีปราศรัยของนายประวัฒน์ อุตตะโมต ครั้งนี้บนเวทีเสื้อแดงจึงเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา มีนัยว่าคราวนี้ หน้าเหลี่ยมเอาจริงแน่ บรรดาสมาชิกสภาจังหวัดจันทบุรี คนการเมืองไทยรักไทยหน้าดากันออกมา
ขณะนี้บรรดาแกนนำเสื้อแดงภาคกลางมีอยู่จำนวนพอสมควรมาจากหลายพื้นที่หรือแม้กระทั่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมืองแม่ยายคนหน้าเหลี่ยมก็มาด้วย ต่างมีเป้าหมายหลักช่วยกันหาสมาชิก รวบรวมพลพรรคให้ได้ 5 หมื่นคน ตามยุทธการแดงทั้งแผ่นดิน แล้วจะยกพลเข้ากรุงชุมนุมใหญ่เดือนเมษายนนี้ให้จงได้ ทั้งการโฟนอินของหน้าเหลี่ยมก็จะพัฒนาขึ้นเป็นทั้งภาพทั้งเสียง
ส่วนเคเบิ้ลทีวีพื้นที่หลายจังหวัดได้ถ่ายทอดสดช่องดี-สเตชั่น กันทุกที่ เนื่องจากการกำเนิดของเคเบิ้ลทีวีภาคตะวันออก ที่แตกโตไปทั่วบ้านทั่วเมืองมาจากคนที่ริเริ่มคนแรกคือ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีโยงใยกันนัวเนีย นุงนังกับกระบวนการคนเสื้อแดงในปัจจุบัน
ที่สำคัญมีนักการเมืองทั้งปัจจุบัน ทั้งอดีต ส.ส.ที่มีทั้งถูกห้ามประกอบกิจกรรมทางการเมือง 5 ปี หรือผู้สมัครสอบตกแต่มีอิทธิพลตามต่างจังหวัดไม่เว้นแม้แต่จังหวัดภาคตะวันออก ส่งแรงเงิน ส่งคนเข้ามาเป็นเสื้อแดงร่วมป่วนทำลายความเชื่อมั่นรัฐบาล โดยเฉพาะมุ่งเจาะยางไปที่ตัวนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นสำคัญแบบกวนน้ำให้ขุ่น เป็นการจองกฐินร่วม จากการข่าวของตำรวจฝ่ายปกครองพบว่านักการเมืองชื่อดังนาย "ส." ฉะเชิงเทราส่งเสื้อแดงมาแบบเต็มพิกัด ส่วนที่อำเภอบ้านบึงมีประมาณพันคน(ตามคำกล่าวของผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี )
ที่น่ากลัวที่สุดไม่ปรากฏในรายงานข่าวของฝ่ายข่าวแต่เป็นที่รับทราบกันว่า มีสตรีเจ้าของทรงผมกะบังลม ร่วมเป็นหนึ่งในท่อน้ำเลี้ยง
ขณะที่คนของพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มวางตัวบุคคลสานแผนต่อจากสมัยรัฐบาลนายสมัคร นายสมชาย วางตัวบุคคลข้าราชการมีระดับ นักการเมือง ผู้เคยเล่นการเมืองระดับ อบจ.(องค์การบริหารส่วนจังหวัด ) อดีตนายกเทศมนตรีและระดับล่างถูกวางตัวให้มามีบทบาท มีตำแหน่งส่วนงานราชการองค์กรพิเศษเริ่มมีให้เห็น เพื่อสร้างฐานสร้างฐานะทางการเงินรอเวลาเข้าร่วมงานการเมืองลงสมัคร ส.ส.กับพรรคการเมืองที่ว่านี้
ที่ไม่มีใครทราบหรืออาจจะเป็นที่หลงลืมกันก็ได้ ว่าคนชื่อพม่า แต่เป็นคนภาคอิสาณ ฉายา ยี้ห้อยร้อยยี่สิบนั้น เคยอยู่และสังกัดกลุ่มนักการเมืองกลุ่ม 16 ดังนั้น บทบาทของคนๆ นี้จึงไม่ธรรมดา หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่พรรคประชาธิปัตย์ อาจจะต้องเป็นพรรคฝ่ายค้านไปในที่สุดนี่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้หรืออาจจะเป็นแค่พรรคร่วมรัฐบาลและจะถูกโดดเดี่ยว
3 เดือนแล้ว การทำงานของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กลับมีมาตรฐานคนละแบบที่พูดไว้ ขนาดมีการจัดรัฐมนตรีเงาไว้นานแล้ว ถึงคราวทำงานจริงของรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวงกลับทำงานแบบเซื่องๆ ไม่ถูกใจทันใจประชาชน เรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ สู้การทำงานของนายจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งเข้าไปกวาดล้างกรมประชาสัมพันธ์เพียง 15 วัน ทุกอย่างเรียบวุธไม่ได้แม้แต่น้อย
ขณะนี้ที่เห็นกันก็คือการบริหารแต่ฝีปาก ข้าราชการก็ใส่เกียร์ว่างกันเป็นแถว ตัวอย่างเล็กๆ ที่ชลบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดยังกล้าขัดนโยบายของนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่เป็นเรื่องของความถูกต้องมิใช่เป็นเรื่องของความเด่นดัง แล้วอย่างนี้จะให้ข้าราชการไปเกรงกลัวได้อย่างไร เมื่อทุกอย่างมีข้อยกเว้น
ที่ผ่านมาเรื่องกฎเหล็กของนายกรัฐมนตรี ที่สำแดงออกมา คนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องลาออกจากตำแหน่งสังเวยปลากระป๋องเน่า แต่คนของอีกพรรคกลับไม่แสดงสปิริต เมื่อถูกข้อกล่าวหาเรื่องจริยธรรม แต่เรื่องอย่างนี้ ประชาชนก็เข้าใจเห็นใจ รับได้ว่านายกรัฐมนตรีและพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องพึ่งพรรคการเมืองพรรคหนึ่งอยู่ด้วยความจำเป็นเพราะไม่งั้นรัฐบาลก็ล้มครืน
21 มีนาคมนี้ สถานการณ์กลุ่มเสื้อแดงหลายจังหวัดจะยกพวกบุกท้องที่พนัสนิคมเมืองชลเมืองพันธมิตรฯ สีเหลือง เพื่อมาป่วนนายกรัฐมนตรีที่วัดนามะตูม พนัสนิคมเป็นเพียงสถานการณ์หนึ่ง ที่จะฉายภาพอีกภาพหนึ่งออกมาให้เห็นการแก่งแย่งชิงอำนาจทางการเมือง โดยเมื่อเกิดความปั่นป่วนจากการกระทำของคนหน้าเหลี่ยมให้เป็นวุ่นวายได้แล้ว กระบวนการคนหน้าเหลี่ยมก็คาดว่าพวกเขามีอำนาจต่อรองเพียงพอ พวกเขาก็จะต่อรองรอเวลาพาหน้าเหลี่ยมกลับเข้าประเทศไทย โดยไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลสถิตยุติธรรม
สถานการณ์ขณะนี้แกนหลักเสื้อแดงฉกฉวยโอกาสบนภาวะเศรษฐกิจที่ยอบแยบตามภาวะเศรษฐกิจโลก ระดมผู้คนตกงานว่างงานมาสำหรับร่วมก่อความวุ่นวายได้แล้วจำนวนหนึ่งซึ่งเมื่อ 17 มีนาคมที่ร้านอาหารนินจาสี่แยก ต.เสม็ด อ.เมืองชลบุรี เสื้อแดงตั้งโต๊ะจีนเลี้ยงชุมนุมกันมีเสื้อแดงมาจากจังหวัดต่างๆ จำนวน1,000 คนด้วยกัน เสื้อแดงไปจัดชุมนุมที่ไหนก็มีอาหารการกินครบครัน เมื่อกินโต๊ะจีนแล้วก็พากันกลับ
21 มีนาคม ทางรัฐบาลจะได้เห็นตัวละครที่ออกมากระโดดโลดเต้นประท้วงกัน แต่ข้างหลังของคนกลุ่มนี้เป็นใคร? เป็นหน้าที่ของฝ่ายข่าวพรรคประชาธิปัตย์ต้องหากันข้อมูลกันเอาเอง!แต่ขอบอกใบ้ไว้หน่อย รู้หรือไม่ที่ชลบุรีน่ะ ฝ่ายปกครองหลายคนเป็นคนที่ไทยรักไทยเขาวางไว้นานมาแล้ว
นี่ไง..เสื้อแดงถึงปลุกขึ้นไงและขอให้รอดูการประชุมอาเซียนบวก 6 บวก 3 ที่พัทยา 10-12เมษายนให้ดีก็แล้วกัน งานนี้หน้าเหลี่ยมไฟเขียวมาแล้วเท่าไหร่เท่ากัน ขอให้ทำลายความเชื่อมั่นของตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลนี้ให้จงได้ กลุ่มหลักเสื้อแดงคุยลั่นสนั่นเมืองแบบไม่กลัวใคร
มีแต่คนของพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ที่รู้ช้าไปหน่อย ขอจงได้อย่าประมาท อย่าเสือกใสไล่ส่งประชาชนแนวร่วมผู้รักชาติ ผู้ยังมีความนิยมต่อตัวนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอยู่ให้ออกไปอยู่นิ่งเฉย การเมืองยังคงเป็นเรื่องของความถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องความเด่นความดังและเกี้ยเซี๊ยะ การวางหมากเดินแต้มคูทางการเมืองวันหน้าไปด้วยนั้นเป็นการคิดที่ผิดพลาดเพราะเป็นประเด็นรอง
การทำการเมืองวันนี้ให้ดีที่สุดต้องอยู่ที่ต้องฟังเสียงประชาชน สัมผัสได้ถึงความรู้สึกรู้สาของประชาชนเป็นสำคัญ
อะไรที่ขัดความรู้สึกของประชาชนฝืนความเป็นจริงของสังคมไทยต้องจัดการให้เด็ดขาดลงไป
หากพรรคประชาธิปัตย์ยังคงเป็นเหมือนพรรคประชาธิปัตย์แต่เดิมๆ ซึ่งไม่อาจจะกล่าวถึงได้ จงฟังเสียงประชาชนเถิด ฟังเสียงประชาชนซึ่งเป็นผู้รักชาติ ซึ่งมีหลากหลายกันไป แม้กระทั่งคนที่เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ได้ทุ่มเทเอาชีวิตเข้าสู้กับหน้าเหลี่ยม สู้กับทาสหน้าเหลี่ยม ระบอบของหน้าเหลี่ยมมาเป็นลำดับ เขาผิดอะไรนักหรือ?
ท่านผู้มีอำนาจทางการเมืองปัจจุบัน จะไม่ฟังเสียงพวกเขาบ้างเลยหรือ การโยกย้ายข้าราชการที่เข่นฆ่าประชาชนไปได้ดีมีสุข เพียงเพราะข้าราชการคนนั้นมีปลอกคอที่เป็นนักการเมืองร่วมรัฐบาลเท่านั้นหรือจึงยังได้ดี ถ้าเรื่องแค่นี้ประชาชนรู้กันสนั่นเมืองแล้วยังหาทางจัดการไม่ได้ ก็สุดแต่เวรแต่กรรม
3 เดือนแล้วที่รัฐบาลบริหารราชการงานแผ่นดิน ขณะที่เกมปลุกเสื้อแดงทั้งแผ่นดินก็กำลังเดินหน้าเขย่ารัฐบาลไปเรื่อย ๆ เท่าที่เม็ดเงินจะไหลออกมาจัดเลี้ยงโต๊ะจีนให้เสื้อแดงมาร่วมการชุมนุมอิ่มหมีพีมันไปตามๆ กัน เงินมากๆ แม้จะมีความจำเป็นก็จริง
แต่ก็มิใช่อำนาจเงินจะทำให้ได้ชัยชนะไปเสียทุกอย่าง ถ้าไม่มีอุดมการณ์ มีจุดยืนของผู้ร่วมอุดมการณ์นั้นๆ มาร่วมชุมนุมแต่ไม่รู้ว่าจะมาชุมนุมเพื่ออะไร เขาให้มากินเลี้ยงก็มากันแล้วหรือไม่รู้ว่าจะไปสู้กับอะไร หรือสู้แค่เพื่อเอาคนหน้าเหลี่ยมกลับมาเท่านั้น
ขณะที่สังคมไทยกำลังลืมเร็วเรื่องการโกงกินหรือทุจริตคอร์รัปชั่นหรือเรื่องทุจริตเชิงนโยบายของคนหน้าเหลี่ยมกันไปเกือบจะหมดจะสิ้นแล้ว คนรวยแบบหน้าเหลี่ยม แต่ไม่ยอมจ่ายภาษีให้กับรัฐฯและอื่นๆ..
สถานะปัจจุบัน พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรผลักมิตรให้ออกไปเป็นศัตรู ไม่ควรวางหมากทางเมืองมากไป หากรัฐบาลนี้อยู่ไปอีกสัก 6 เดือนเท่านั้น เสื้อแดงหน้าเหลี่ยมก็จะร้องโอดครวญ แต่หากว่ามีการผลักมิตรออกไปศัตรูด้วย รับรองเจ๊งก่อนโต และก็จะเข้าทางกระบวนการของคนหน้าเหลี่ยมโดยทันที
สุดท้ายมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่กล้าทำ ไม่กล้าให้คืนความเป็นธรรมให้กับ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือแม้แต่จะตั้งคนตงฉินแบบนี้เข้าเป็นรัฐมนตรีช่วยก็ยังไม่กล้า แล้วจะไปทำอะไรให้กับประชาชนทั่วไปได้ งานเศรษฐกิจต้องทำด่วนก็จริง แต่เรื่องของความเป็นธรรม ความเท่าเทียมกันทางกฎหมาย ก็ดำเนินไปด้วย
ล่าสุดของล่าสุดทางข่าวสารบ้านเมือง ประชาชนที่ใกล้ชิดทางการเมืองหรือนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลซึ่งลงพื้นที่เป็นประจำได้กลิ่นข่าวกันแล้วว่า หากมีการเลือกตั้งครั้งหน้าเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เป็นการโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่ถึงขั้นวางตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นการเพื่อไว้สำรองแล้ว
เพราะระบอบคนหน้าเหลี่ยมยังคงอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์บนอำนาจรัฐฯ การสานผลประโยชน์แก่กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เป็นสำคัญ การเมืองไทยบ้านเรายังไม่ก้าวคืบเติบโตไปข้างหน้า ยังเป็นการเมืองแบบเก่า นักการเมืองคนเก่าๆ การอ้างสมานฉันท์บนกองเลือดของประชาชนคนไทย เมื่อ 7 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น คนไทยไม่ยอมเรื่องนี้เป็นแน่
ขอจงจำกันไว้อีกประโยคหนึ่งใครกันเอ่ยที่กล่าวไว้ว่า..“การเมืองต้องแก้กันที่ทางการเมืองเท่านั้น..!”..ก็เพราะแก้กันที่การเมืองไง คนไทยถึงต้องเป็นผู้ที่สังเวยชีวิตกันไปทุกครั้ง เพราะนักการเมืองซึ่งส่วนหนึ่งไร้สปิริต ไร้จริยธรรมยังมีให้เห็น นักการเมืองเหล่านั้นเห็นแค่ว่าชีวิตคนไทย มีค่าเป็นผักเป็นปลาเท่านั้น.