xs
xsm
sm
md
lg

“นายกเล็กบ้านกรวด” บุรีรัมย์ดิ้นตั้ง กก.สอบอมเบี้ยยังชีพผู้เฒ่า 200 คน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตัวแทนผู้สูงอายุจาก 10 ชุมชน เขตเทศบาลตำบลบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ร่วม 20 คน บุกร้องเรียน ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ เมื่อ16 มี.ค. ที่ผ่านมา
บุรีรัมย์ – นายกเทศเล็กบ้านกรวด บุรีรัมย์ ดิ้นตั้ง กก.ตรวจสอบข้อเท็จจริง หาที่มาจ่ายเงินเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุไม่ครบตามจำนวนกว่า 200 ราย 8 เดือนได้เงินแค่เดือนเดียว ขีดเส้นรายงานผลให้จังหวัด ในสิ้น มี.ค.นี้ ยอมรับเป็นปัญหาค้างเก่าจากนายกเล็กคนก่อนจ่ายไม่ถูกต้องจน สตง.เรียกเงินคืน ยันจะแก้ไขให้ผู้สูงอายุได้รับเงิน แต่ขอตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียดก่อน

วันนี้ (17 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณี นางลิปดา ศรีศิลา อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210 ม.3 ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พร้อมตัวแทนผู้สูงอายุจาก 10 ชุมชน ในเขตเทศบาลตำบลบ้านกรวด อ.บ้านกรวด ร่วม 20 คน บุกร้อง นายมงคล สุระสัจจะ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ให้เข้าไปตรวจสอบเทศบาลตำบลบ้านกรวด กรณีจ่ายเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุเดิมที่ผ่านการทำประชาคม เป็นผู้สูงอายุที่ยากไร้จากชุมชน เดือนละ 500 บาท มีทั้งหมดกว่า 300 คน

แต่ผู้สูงอายุดังกล่าวได้รับเงินเบี้ยยังชีพครบ 8 เดือนตามจำนวนเพียงประมาณ 100 คน ส่วนอีกกว่า 200 คน เทศบาลจ่ายให้เพียงเดือนเดียว หรือรายละ 500 บาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือไม่ยอมจ่ายให้ โดยทางเทศบาลอ้างว่าจะรื้อจัดทำใหม่ เนื่องจากนายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรวดคนที่ผ่านมาได้ทำผิดขั้นตอนไม่มีการทำประชาพิจารณ์ ซึ่งผู้มาร้องยืนยันว่า ทุกอย่างได้ดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง แล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ นายอภิชาติ งามกมล ปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า เทศบาลตำบลบ้านกรวด ขอตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีชาวบ้านบางรายไม่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพครบตามจำนวน เกิดจากสาเหตุใดจึงไม่ได้รับเงินดังกล่าว โดยจะรายงานให้จังหวัดบุรีรัมย์ทราบภายในสิ้นเดือน มี.ค.นี้ ขณะเดียวกันทางจังหวัดฯ ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดด้วย

ด้าน นายเฉลิมพล นิรันดร์ปกรณ์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรวด กล่าวว่า เมื่อตนเข้ามารับตำแหน่ง พบว่า การดำเนินการมอบเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ผ่านมานั้น ผิดขั้นตอนไม่เป็นไปตามขั้นตอน และระเบียบของกระทรวงมหาดไทย จนถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)เรียกเงินคืนกว่า 1 ล้านบาท ประกอบกับเจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคมที่ดูแลเรื่องดังกล่าวได้ย้ายออกไป

ทำให้ไม่สามารถชี้แจงกับ สตง.ได้ ตนจึงขอตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดอีก พร้อมตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่เทศบาลให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า มีผู้สูงอายุบางรายมีการเบิกจ่ายไม่ถูกต้องด้วยทางเทศบาลจึงไม่กล้าเบิกจ่ายให้ครบตามจำนวน จึงจ่ายได้เพียงบางส่วนก่อน เพราะเกรงว่าจะถูก สตง.เรียกเงินคืนเหมือนที่ผ่านมา

“ผมเข้ามาทำงานเมื่อปลายเดือน ต.ค.2551 ได้ดำเนินการตรวจสอบรายชื่อผู้สูงอายุตามระเบียบมหาดไทย และ ประกาศรายชื่อผู้สูงอายุเมื่อเดือน ม.ค.2552 จำนวนกว่า 200 ราย อนุมติเบิกจ่ายเดือน ก.พ.2552 จนเมื่อวันที่ 6 มี.ค.2552 ได้จ่ายเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุเพียง 1 เดือน รายละ 500 บาทไม่ได้มีการทุจริตเงินแต่อย่างใด” นายเฉลิมพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากการตรวจสอบว่า สามารถเบิกจ่ายได้ ทางเทศบาลก็พร้อมที่จะจ่ายให้ตามจำนวน ตนยืนยันจะดูแลผู้สูงอายุในเขตเทศบาลทุกคน ให้ได้รับเงินสงเคราะห์ตามนโยบายของรัฐบาล
กำลังโหลดความคิดเห็น