ปุ๋ยเคมีแพงดันความต้องการมูลวัวที่สกลนครพุ่ง

สกลนคร - เกษตรกรผู้เลี้ยงโคบ้านโนนสวรรค์ สกลนคร สุดแฮปปี้ มูลวัวกลายเป็นของมีค่า ตลาดต้องการสูง เหตุเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและชาวสวนยางพารา นำไปใช้แทนปุ๋ยเคมีที่มีราคาสูง ชี้รายได้จากการขายมูลวัวสูงถึง 10,000 บาท/เดือน

บ้านโนนสวรรค์ ตำบลพังขว้าง เขตอำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ราษฎรกว่า 200 หลังคาเรือน ประกอบอาชีพเลี้ยงโคนมเพื่อนำน้ำนมดิบ ป้อนเข้าโรงงานผลิตนมภูพานอันเนื่องมาจากำพระราชดำริ ซึ่งสามารถสร้างรายได้เลี้ยงชีวิต และเป็นเศรษฐกิจที่มั่นคงให้กับราษฏรบ้านโนนสวรรค์มานานกว่า 20 ปี แม้ว่าในปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจขาลง จะส่งผลกระทบบ้างแต่เกษตรกรก็ยังสามารถเลี้ยงตัวได้ไม่ให้ขาดทุน

นอกจากผู้เลี้ยงวัวจะผลิตน้ำนมดิบขายให้กับโรงรับซื้อน้ำนมดิบแล้ว ผู้เลี้ยงวัวนมยังมีรายได้จากการขายมูลวัว โดยเกษตรกรจะเทลาดไว้บริเวณลานปูนเพื่อตากแดดให้แห้ง ประมาณ 4 วัน แล้วตักใส่กระสอบปุ๋ยนำวางจำหน่ายหน้าบ้าน โดยจะมีผู้มารับซื้อใช้เป็นปุ๋ยให้กับนาข้าว หรือสวนยางพารา และจากสภาพอากาศร้อนและมีแสงแดดจัด ทำให้มูลวัวแห้งเร็วและจำหน่ายได้ตลอด

นางรุ่งนภา จันทะลิน อายุ 35 ปี กลุ่มผู้เลี้ยงโคนม บ้านโนนสวรรค์ กล่าวว่า มูลวัวที่ตนนำมาตากแห้งไว้ขายหน้าบ้าน สามารถขายได้ตลอดก่อนนี้ขายกระสอบละ 25 บาท ปัจจุบันปรับราคาเป็น 30 บาท โดยผู้ซื้อจะนิยมเอามูลวัวนมแห้งไปทำปุ๋ยมากกว่ามูลวัวเนื้อ เนื่องจากวัวนมกินอาหารสำเร็จรูปจึงให้ปุ๋ยกับพืชได้ดีกว่า

แต่ละวันเกษตรกรตำบลพังพังขว้างและทั่วไปจะมาติดต่อซื้อนำไปใส่นาข้าว พร้อมนำไปเป็นปุ๋ยคอกให้กับพืชผักที่ปลูกขายกว่า100 ไร่ เพื่อส่งเข้าตลาด และตอนนี้ยิ่งขายดี กระทั่งมูลวัวไม่พอกับความต้องการ

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ซื้อหลักคือ กลุ่มผู้ปลูกยางพารา จะมาสั่งจองครั้งละ 100-200 กระสอบ นำไปใส่ต้นยางพาราเพื่อเร่งผลผลิตน้ำยาง เนื่องจากกลุ่มผู้ปลูกยางพารา แบกรับภาระราคาปุ๋ยเคมีที่แพงขึ้นไม่ไหว จึงหันมาใช้มูลวัวแทน ประหยัดต้นทุน โดยรายได้จากการขายมูลวัวแห้ง มีรายได้สูงถึง 10,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีพ่อค้ามารับซื้อไปขายต่อในราคา 3 ถุง 100 บาท