ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – แม่ทัพภาคที่ 3 เผย ผบ.ทบ.ห่วงใยสถานการณ์ปัญหาไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ หวั่นส่งผลกระทบท่องเที่ยว สั่งการจัดกำลังทหารมีส่วนร่วมและสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขบรรเทาปัญหาเต็มที่ เบื้องต้นจัดกำลัง 112 ชุด ออกลาดตระเวนดับไฟป่า ขณะเดียวกันระบุเชื่อมั่น ตำรวจจะสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มเสื้อแดง” ในพื้นที่ภาคเหนือให้อยู่ในกรอบกฎหมายได้
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่ห้องประชุมทองจัตุ กองกำลังผาเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พลโททนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ รวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรับฟังสภาพปัญหา และหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่หลายจังหวัดภาคเหนือกำลังเผชิญหน้าอยู่ในเวลานี้
ในการประชุมแม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า ผู้บัญชาการทหารบกให้ความสำคัญ และห่วงใยปัญหาไฟป่าหมอกควันที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือเป็นอย่างมาก เพราะส่งผลกระทบตามมาหลายด้าน รวมทั้งผลกระทบต่อด้านการท่องเที่ยว โดยกำชับให้หน่วยทหารในพื้นที่สนับสนุนการทำงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบในการแก้ไขบรรเทาปัญหานี้ ขณะเดียวกัน สั่งการให้ดูแลไม่ให้มีการเผาเพื่อกำจัดเศษวัสดุเหลือใช้ ในเขตรับผิดชอบของทหารโดยเด็ดขาด และให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 7 วัน
พลโททนงศักดิ์ กล่าวหลังการประชุม ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการหารือในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเน้นย้ำกำชับหน่วยงานทหาร ในการให้การสนับสนุนการทำงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกิดประสิทธิดียิ่งขึ้น
ปัญหาหมอกควันไฟป่าที่เกิดขึ้นอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือเวลานี้ ผู้บัญชาการทหารบกให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งสั่งการให้ทางทหารมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังด้วย ทั้งนี้มั่นใจว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะคลี่คลายลงไปได้ในที่สุด
สำหรับการสนับสนุนการทำงานในการป้องกันและดับไฟป่า แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า เวลานี้ได้มีการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควันกองทัพภาคที่ 3 ขึ้นแล้ว โดยได้มีการจัดกำลังทหารจำนวน 112 ชุด 1,194 นาย ที่ได้รับการฝึกอบรมในการดับไฟป่า เพื่อออกลาดตระเวนและดับไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อเสริมและร่วมกับทำงานกับหน่วยงานที่ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งหากพบว่ามีการเผาที่ใดให้เข้าระงับเหตุทันที และหากเป็นไปได้ให้จับผู้ก่อเหตุส่งตัวให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย โดยการดำเนินการให้รายงานผลให้ทราบเป็นประจำทุกวันด้วย ส่วนการประสานขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านในการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันนั้น ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยหารือและขอความร่วมมือ ซึ่งคงจะได้ผลในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ พลโททนงศักดิ์ กล่าวถึงการจับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ในพื้นที่ภาคเหนือว่า เป็นสิทธิที่สามารถทำได้หากอยู่ในกรอบกฎหมาย ซึ่งการดูแลความสงบเรียบร้อยในส่วนนี้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก ขณะที่ในส่วนของทหารจะทำงานในด้านงานข่าว เช่น มีการซ่องสุมอาวุธหรือกำลัง เป็นต้น เบื้องต้นไม่พบว่ามีความผิดปกติใดๆ
อย่างไรก็ตาม พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากได้รับการร้องขอมา แต่ทั้งนี้ ยังมั่นใจว่า ตำรวจสามารถควบคุมดูแลได้ ส่วนในวันพรุ่งนี้ (12 มี.ค.) ที่มีข่าวว่ากลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่จะไปเคลื่อนไหว ต่อต้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่นั้น เชื่อว่าตำรวจจะทำงานอย่างเต็มที่และควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างไม่มีปัญหา
รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ทำการปล่อยกำลังชุดดับไฟป่าของทหาร เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ออกจากกองกำลังผาเมือง เพื่อเข้าดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้อยู่ในพื้นที่บ้านห้วยน้ำริน อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีสภาพเป็นป่าและเขาสูงชัน โดยได้เน้นย้ำให้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ จากนั้นได้เดินทางไปร่วมประชุมและมอบนโยบายการแก้ไขบรรเทาปัญหาไฟป่าหมอกควันต่อที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน