ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่ปล่อยแถวขบวนรถประชาสัมพันธ์รณรงค์ลดปัญหาหมอกควัน ลงตระเวนพื้นที่ 5 อำเภอชั้นใน หวังประชาชนเกิดความตื่นตัวร่วมมือป้องกันปัญหา
วันนี้ (23 ก.พ.) นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการป้องกันตนเองจากปัญหาหมอกควันและตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวที่จะส่งผลกระทบตามมาในหลายด้าน ตามโครงการ “ร่วมมือร่วมใจ อากาศสดใส เชียงใหม่ไร้หมอกควัน” ซึ่งเป็นโครงการที่จังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้น โดยจะมีการจัดรถประชาสัมพันธ์เจาะลึกลงไปในพื้นที่ 5 อำเภอรอยต่อ ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ สารภี หางดง แม่ริม และสันกำแพง
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การรณรงค์ในครั้งนี้น่าจะส่งผลดีทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาหมอกควันและร่วมมือกันในการเฝ้าระวังปัญหาหมอกควันที่จะส่งผลกระทบต่อตัวเองและสังคม โดยเฉพาะผลกระทบต่อสุขภาพและการท่องเที่ยว ซึ่งคาดหวังว่าการเข้าไปให้ความรู้ทำความเข้าใจที่ถูกต้องในครั้งนี้จะทำให้ประชาชนสามารถปฏิบัติตัวในการป้องกันควบคุมและแก้ไขผลกระทบต่อสุขภาพจากปัญหาหมอกควันได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ นายประจญ ปรัชญ์สกุล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การรณรงค์ป้องกันปัญหาหมอกควันในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.51 แล้ว พร้อมกับมีการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งมีการเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุการเผาตลอด 24 ชั่วโมง ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-5340-9345 โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.52 เป็นต้นมาจนถึงวันนี้ได้รับแจ้งเหตุทั้งสิ้น 60 ครั้ง ซึ่งเมื่อเปรียบกับปีที่ผ่านมาถือว่าลดลง ในส่วนของการเฝ้าระวังอื่นๆ นั้นได้มีการเพิ่มภารกิจให้กับทีมกู้ชีพกู้ภัยประจำตำบลให้รับผิดชอบในการช่วยดับไฟป่าพื้นที่ราบด้วย ซึ่งน่าจะเป็นผลดีในการลดจำนวนการเกิดไฟป่า
ด้านนายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวระหว่างการบรรยายในการสัมมนาเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพกรณีหมอกควันไฟป่าภาคเหนือ ซึ่งสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า สถานการณ์ในเวลานี้พบว่าจังหวัดลำปาง ลำพูน และแพร่ มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรแล้ว ซึ่งแนะนำให้ประชาชนป้องกันตัวเองด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูกหรือสวมหน้ากากอนามัยหากต้องออกนอกตัวอาคาร อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลให้มีผู้ป่วยเพิ่มผิดปกติ ยกเว้นจังหวัดลำพูนที่เพิ่มสูงขึ้น