ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคุณภาพอากาศและสุขภาพภาคเหนือชี้สถานการณ์ปัญหาหมอกควันจังหวัดลำปางแย่ถึงขั้นควรประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยได้แล้ว หลังค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานนานต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มความเข้มข้นมาตรการจัดการปัญหา ส่วนจังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือยังน่าเป็นห่วงและต้องจับตาใกล้ชิด ขณะที่เชียงใหม่หมอกควันยังคลุมทึบฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน 3 วันติดต่อ แนะผู้ป่วยโรคหัวใจและระบบทางเดินหายใจดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ หากพบผิดปกติรีบพบแพทย์ทันที
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า การตรวจวัดคุณภาพอากาศเมืองเชียงใหม่ วันนี้(27 ก.พ.52) พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรต่อเนื่องกันเป็นวันที่สามแล้ว
ที่สถานีโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย พบค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น.วันนี้อยู่ที่ 156.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่สถานีศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ และสถานีพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ มีค่าอยู่ที่ 118.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ 107.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ซึ่งน้อยกว่าค่ามาตรฐานเพียงเล็กน้อย
ขณะที่ดัชนีคุณภาพอากาศที่กำหนดไม่เกิน 100 ตรวจพบเกินค่ามาตรฐาน 2 สถานี คือ ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยและศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีค่า 116 และ 114 ตามลำดับ สำหรับสภาพตัวเมืองเชียงใหม่ ก็ยังคงถูกปกคลุมด้วยหมอกควันทั่วไปเช่นเดิม ต่อเนื่องกันมาเกือบเดือนแล้ว
รองศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงศ์เทพ วิวรรธนะเดช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคุณภาพอากาศและสุขภาพภาคเหนือ กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือเวลานี้ เห็นว่าในส่วนของจังหวัดลำปางกำลังมีปัญหารุนแรงที่สุด เพราะค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรต่อเนื่องกันมานาน 2 สัปดาห์แล้ว
ส่วนตัวมองว่าควรจะมีการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากปัญหาหมอกควันได้แล้ว เพื่อให้มีมาตรการที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้นในการบรรเทาและแก้ไขปัญหา รวมทั้งทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวและให้ความร่วมมือมากขึ้น โดยมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วเหมือนในปี 2550 ที่เกิดภาวะวิกฤตขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ซึ่งปรากฏว่าได้ผลตามมาเป็นอย่างดี
สำหรับสถานการณ์ปัญหาหมอกควันในจังหวัดอื่นๆ ของภาคเหนือนั้น รองศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงศ์เทพ กล่าวว่า แม้จะยังไม่มีความรุนแรงของปัญหาเท่าจังหวัดลำปาง แต่น่าเป็นห่วงเช่นกันเพราะมีแนวโน้มความรุนแรงของปัญหาเพิ่มขึ้นทุกจังหวัด ทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และพะเยา ที่ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งสถานการณ์ในเวลานี้อาจจะยังไม่แย่ ถึงขั้นต้องสมควรประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากปัญหาหมอกควันเหมือนจังหวัดลำปาง แต่จำเป็นจะต้องมีการเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิด และควรมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้นในการป้องกันและจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นเวลานี้ หากแนวโน้มสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติเช่นกัน
“การประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัตินั้น เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เกิดมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้นในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น และสามารถระดมความร่วมมือจากทุกฝ่ายได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะจากประชาชนที่มีความตื่นตัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะส่งผลในแง่จิตวิทยาทำให้ผู้คนเกิดความตระหนักและจริงจังกับการร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย” รองศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงศ์เทพ กล่าว
ขณะเดียวกันผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคุณภาพอากาศและสุขภาพภาคเหนือ แนะนำประชาชนในพื้นที่ที่มีปัญหาหมอกควันในการดูแลรักษาสุขภาพว่า ช่วงนี้ควรงดการออกกำลังนอกตัวอาคารเพื่อป้องการสูดเอาสิ่งปนเปื้อนในอากาศเข้าสู่ปอด และควรจัดเตรียมหน้ากากอนามัยเอาไว้สำหรับสวมใส่ในกรณีที่มีความจำเป็น สำหรับผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจและผู้ป่วยโรคหัวใจต้องเฝ้าระวังและรักษาสุขภาพเป็นพิเศษ หากพบความผิดปกติใดๆ ให้รีบพบแพทย์ทันที